Water-Capsule™ (Water-in-Oil Cream)

  • Product Code: 666

สารประสานเนื้อครีม (emulsifier) ชนิด water-in-oil (น้ำห่อหุ้มด้วยน้ำมัน) โดยใช้งานง่าย ไม่ต้องใช้ความร้อน และใช้น้ำมันเพียงเล็กน้อยเพื่อห่อหุ้มน้ำ ทำให้ไม่เหนอะหนะผิว แต่ได้คุณสมบัติที่ดีของ water-in-oil cream เช่น เคลือบผิวได้ดี กันน้ำได้และกระจายตัวเม็ดสีได้ดี เหมาะสำหรับสูตร night cream, BB cream, make-up, ครีมกันแดด ที่สามารถติดทนนาน และปกปิดผิวได้ดี

฿46.00 ราคาพิเศษนี้สำหรับสั่งหน้าเวปเท่านั้น
กรัม (เริ่มต้นขั้นต่ำ 0 กรัม)

อัตรา ราคาต่อหน่วยจะถูกลง เมื่อสั่งซื้อปริมาณที่สูงขึ้น

กรุณากรอกปริมาณที่ต้องการ ระบบจะแสดงราคาโดยอัตโนมัติ

  •  
ชิ้น, ค่าบรรจุ: 0฿/ชิ้น

สินค้าจะถูกบรรจุตามปริมาณที่สั่งซื้อ

  • -
  • -
  • -
  • -
  • -
  • -
  • -
  • -
  • -
  • -
  • -
  • -
  • -
  • -
  • -
  • -
Test Name Specification
25 DEGREE CELSIUS LIMPID APPEARANCE TO OPAQ UE APPEARANCE CONFORMS
40 DEGREE CELSIUS APPEARANCE CONFORMS
WATER CONTENT 0.00 - 1.00 %
ACID VALUE 0.0 - 3.0 mg KOH/g
GARDNER COLOR 0.0 - 7.0 VCS

Water-Capsule™ คือสารประสานเนื้อครีม (emulsifier) ชนิด water-in-oil (น้ำห่อหุ้มด้วยน้ำมัน) โดยใช้งานง่าย ไม่ต้องใช้ความร้อน และใช้น้ำมันเพียงเล็กน้อยเพื่อห่อหุ้มน้ำ ทำให้ไม่เหนอะหนะผิว แต่ได้คุณสมบัติที่ดีของ water-in-oil cream เช่น บำรุงผิวได้ดี ให้ความรู้สึกนุ่มลื่น สามารถกันน้ำได้และกระจายตัวเม็ดสีได้ดี เหมาะสำหรับสูตร night cream, BB cream, make-up, ครีมกันแดด ที่สามารถติดทนนาน และทาง่าย เม็ดสีสม่ำเสมอบนผิวปกปิดได้ดี

 

คำอธิบายเกี่ยวกับ water-in-oil emulsion (น้ำห่อหุ้มด้วยน้ำมัน)

โดยปกติแล้ว ครีม หรือเจล สำหรับทาบำรุงผิว เกิดจาก oil-in-water emulsion หรือ การห่อหุ้มน้ำมันด้วยน้ำ

 

ภาพด้านซ้าย คือ oil-in-water emulsion ภาพด้านขวาคือ water-in-oil emulsion

จุดเด่นของ oil-in-water emulsion ซึ่งใช้ทำเป็นเนื้อครีมหรือเจล บำรุงผิว มากกว่า 95% ของผลิตภัณฑ์ทั้งหมด คือ ไม่เหนอะหนะผิว ซึมง่าย ในขณะที่ข้อด้อยคือ ไม่สามารถเคลือบผิวได้ดี เนื่องจากลักษณะเนื้อผลิตภัณฑ์ถูกเคลือบด้วยน้ำ เมื่อทาลงบนผิว จะให้ความรู้สึกว่านำน้ำมาเคลือบลงบนผิว นอกจากนี้ ยังไม่สามารถกันน้ำได้ เนื่องจากสูตรถูกเคลือบไว้ด้วยน้ำ เมื่อถูกน้ำ ก็จะถูกล้างออกไปในทันที นอกจากนี้ยังไม่เหมาะกับสูตร make-up เช่น BB Cream เนื่องจากไม่สามารถเกลี่ยผงสีและ foundation ให้สม่ำเสมอบนผิวได้ เนื่องจากเม็ดสีมักจะละลายในน้ำมัน เมื่ออยู่ในเบส oil-in-water จะไม่สามารถกระจายตัวได้ดีทั้งในสูตรและบนผิว

 

จุดเด่นของ water-in-oil emulsion คือ สามารถเคลือบผิวได้ดี เหมาะสำหรับผิวที่ขาดน้ำ แห้งรุนแรง และต้องการเคลือบผิวไว้เพื่อไม่ให้ผิวสูญเสียน้ำได้ง่าย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้เป็น night cream หรือใช้บำรุงผิวในอากาศที่แห้งแล้ง อากาศที่เย็น หรือในห้องแอร์ นอกจากนี้ จุดเด่นที่สำคัญของ water-in-oil คือ ความสามารถในการกันน้ำ และความคงทนบนผิว เนื่องจากสูตรถูกเคลือบไว้ด้วยน้ำมัน จึงมีความคงทนอยู่บนผิวได้ยาวนาน และสามารถกันน้ำได้ดี จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับทั้งสูตร make-up และสูตรกันแดด ซึ่งต้องการความคงทน และคลอบคลุม(เกลี่ยง่าย และสม่ำเสมอ) บนผิว

 

จุดด้อยของ water-in-oil emulsion คือ ความเหนอะหนะ และทำให้ผิวดูดมันวาว เนื่องจาก ลักษณะ water-in-oil ชนิดทั่วไป คือต้องมีน้ำมันในปริมาณมาก (ประมาณ 60-90% ของสูตร) ซึ่งทำให้ไม่เป็นที่นิยม ไม่น่าใช้บนผิวในสภาพอากาศทั่วไป

 

ความพิเศษของ Water-Capsule™ คือความสามารถในการสร้าง water-in-oil cream ด้วยน้ำมันในปริมาณเล็กน้อยเพียง 5-20% ก็สามารถสร้างเนื้อครีม water-in-oil ได้ ส่งผลให้จุดด้อยของ water-in-oil ถูกแก้ไขได้อย่างสมบูรณ์ เนื่องจากใช้น้ำมันเพียงแค่เล็กน้อยในสูตร ทำให้ไม่เหนอะหนะเหมือน water-in-oil cream ชนิดทั่วไป

 

ตัวอย่างการใช้ water-in-oil emulsion ชนิดพิเศษที่ไม่เหนอะหนะผิว:

-สูตร night cream ที่ต้องการการเคลือบผิวอย่างบางเบาไม่เหนอะหนะ แต่ให้ความชุ่นชื้นผิวได้ยาวนานตลอดทั้งคืน รวมถึงสูตร day cream สำหรับผิวที่ต้องอยู่ในสภาพอากาศที่แห้ง อยู่ในห้องแอร์ระยะเวลานาน

-สูตร make-up หรือ SPF ที่ต้องการความบางเบา แต่คงทนยาวนานบนผิว แม้เจอเหงื่อ หรือน้ำ รวมถึงสามารถเกลี่ยบนผิวได้ง่ายและได้สีที่สม่ำเสมอเรียบเนียน

 

ความแตกต่างระหว่าง Water-in-Oil EZ™ และ Water-Capsule™

ทั้ง Water-Capsule™ และ Water-in-Oil EZ™ ใช้สำหรับสร้างเนื้อสูตรครีมหรือเซรั่ม ที่มีลักษณะ water-in-oil เหมือนกัน แต่มีความแตกต่างดังนี้:

-Water-in-Oil EZ™ สามารถทำงานในสูตรที่มี electrolyte ได้เป็นอย่างดี โดยไม่มีผลกระทบใดๆ ตัวอย่างสารที่มี electrolyte สูง เช่น DMAE , Sodium Lactate ในขณะที่สารประสานอื่นๆ รวมถึง Water-Capsule™ ไม่สามารถสร้างเนื้อได้ หรือต้องใช้ในปริมาณสูงมาก

-Water-in-Oil EZ™ สามารถรองรับน้ำมัน, silicone ได้สูงสุด 35% แต่ Water-Capsule™ สามารถรองรับน้ำมันได้สูงสุด 20% หากสูตรเน้นการใช้ silicone หรือมีสัดส่วนของน้ำมันสูง กรุณาเลือกใช้ Water-in-Oil EZ™

-Water-Capsule™ สามารถรับเนื้อสูตรให้ข้น-เหลว ได้ง่าย ด้วยการปั่นที่แรงขึ้น/นานขึ้น จะได้เนื้อสูตรที่ข้นขึ้น แต่ ในการปรับความข้นของ Water-in-Oil EZ™ จะต้องมีการปรับอัตราส่วนผสม หรือใช้ Gel Maker / Thickener ช่วย

 

ขั้นตอนการผสม water-in-oil cream ด้วย Water-Capsule™ *กรุณาอ่านอย่างละเอียดก่อนเริ่มผสม*

การผสม water-in-oil cream จะประกอบด้วย 2 ส่วน

1.ส่วนน้ำ (water-phase) ซึ่งประกอบด้วย ส่วนผสมที่ละลายในน้ำ, Light Cream Maker หรือ Satin Mousse และ น้ำ

2.ส่วนน้ำมัน (oil-phase) ซึ่งประกอบด้วย ส่วนผสมที่ละลายในน้ำมัน, Water-Capsule™ และ น้ำมันชนิดใดๆ เช่นน้ำมันธรรมชาติ หรือกลุ่ม LipidSoft รวมถึงซิลิโคน เช่น cyclomethicone, dimethicone นอกจากนี้ หากมีเม็ดสี (pigments) หรือ สารกันแดด (sunscreen) ให้ใส่ในส่วนของน้ำมันนี้

 

อัตราการใช้ ของส่วนผสมต่างๆ

-Water-Capsule™ 1-5% หากมีส่วนของน้ำมากกว่า 80% ของสูตร ให้ใช้ Water-Capsule™ ระดับ 4-5% แต่ หากมีส่วนของน้ำน้อยกว่า 80% ของสูตร ให้ใช้ Water-Capsule™ ระดับ 1-3%

-Light Cream Maker หรือ Satin Mousse 1-2% ขึ้นอยู่กับความข้นของเนื้อสูตรที่ต้องการ แนะนำ 1.5%

-น้ำมันชนิดใดๆ ให้เลือกตามลักษณะเนื้อของน้ำมันที่ต้องการ เช่นเนื้อเบา: LipidSoft™ Lite เนื้อหนัก: Jojoba Oil  สัดส่วน 5-20% แนะนำ 10%

 

ขั้นตอนการผสม

1.นำส่วนของน้ำ มาผสมรวมกัน ทั้งหมด จนได้เนื้อเจล ปรับแต่งความข้นของเนื้อ ที่ต้องการ ได้ด้วยการเพิ่มหรือลด Light Cream Maker หรือ Satin Mousse ในกรณีที่มีส่วนผสมที่ต้องละลายในความร้อน สามารถอุ่นให้ร้อนเพื่อให้ส่วนผสมละลายรวมกันได้ (ไม่จำเป็นต้องใช้ความร้อน หากส่วนผสมทุกตัวในส่วนของน้ำละลายเข้ากันได้ในอุณหภูมิห้อง)

2.นำส่วนของน้ำมัน มาผสมรวมกัน ในกรณีที่มีส่วนผสมที่ต้องละลายในความร้อน สามารถอุ่นให้ร้อนเพื่อให้ส่วนผสมละลายรวมกันได้ (ไม่จำเป็นต้องใช้ความร้อน หากส่วนผสมทุกตัวในส่วนของน้ำมันละลายเข้ากันได้ในอุณหภูมิห้อง)

3.นำส่วนของน้ำมัน เติมลงในส่วนของน้ำ ครั้งเดียวทั้งหมด ห้ามเติมทีละเล็กน้อย จากนั้นค่อยๆคนให้เข้ากัน หากใช้เครื่องปั่น ให้ปั่นด้วยความเร็วต่ำ ไม่เกิน 100รอบต่อนาที ส่วนผสมจะรวมตัวกันจนได้ water-in-oil cream ภายใน 3-5นาที เมื่อเข้ากัน น้ำมันจะไม่แยกออกจากส่วนของน้ำ

4.หากต้องการให้เนื้อข้น ให้ปั่นด้วยความเร็วสูง แต่ห้ามเกิน 3000รอบต่อนาที [แนะนำ 1000-1500รอบ จะได้เนื้อครีมข้นเพียงพอ] โดยความเร็วที่ยิ่งสูงจะยิ่งทำให้เนื้อข้นมากยิ่งขึ้น แต่หากต้องการเนื้อสูตรที่เหลว ให้ปั่นที่ความเร็วต่ำ [ไม่ต้องปั่นเพิ่มจากข้อ 3 หลังจากเนื้อเข้ากันดีแล้ว สามารถใช้งานได้เลย]

 

ตัวอย่างสูตร Moisturizing Body Milk โลชั่นเนื้อบางเบาให้ความชุ่มชืน้ผิวได้ยาวนานตลอดทั้งคืน:

1.Water-Capsule™ 4%

2.LipidSoft™ Lite 6%

3.Panthenol (Vitamin B5) ExtraLite™ 5%

4.Vitamin B3, Niacinamide (Safe-B3™) 5%

5.Light Cream Maker 1%

6.น้ำ 78%

7.สารกันเสีย Mild Preserved 1%

 

ขั้นตอน: นำ 1+2 ผสมกันและแยกไว้เป็นส่วนของน้ำมัน, นำ 3+4+5+6+7 ผสมจนเข้ากัน จนกลายเป็นเนื้อเจล เป็นส่วนของน้ำ แล้วจึงนำส่วนแรก(น้ำมัน)ที่แยกไว้ มาเติมลงในส่วนของน้ำ ในคราวเดียวทั้งหมด แล้วคนให้เข้ากันจนได้เนื้อครีม

 

ตัวอย่างสูตร BB Cream SPF14 เกลี่ยง่าย ครอบคลุมปกปิดผิวได้ดีเยี่ยม ติดทนนาน แต่บางเบา ไม่เหนอะหนะ

1.Water-Capsule™ 3%

2.LipidSoft™ 5%

3.Titanium Dioxide Nano EasyDisperse™ 7%

4.Beige Iron Oxides EasyMix™ 2% (ปรับมากน้อย ให้เข้ากับโทนสีของผิว)

5.Silicone Gel Base (Ultra Clear) 5%

6.Cyclomethicone 5%

7.Light Cream Maker 1%

8.น้ำ 71%

9.สารกันเสีย Mild Preserved 1%

 

 ขั้นตอน: นำ 1+2+3+4+5+6 ผสมกันและแยกไว้เป็นส่วนของน้ำมัน, นำ 7+8+9 ผสมจนเข้ากัน จนกลายเป็นเนื้อเจล เป็นส่วนของน้ำ แล้วจึงนำส่วนแรก(น้ำมัน)ที่แยกไว้ มาเติมลงในส่วนของน้ำ ในคราวเดียวทั้งหมด แล้วคนให้เข้ากันจนได้เนื้อครีม

 

การปรับแต่ง:

-หากต้องการให้เนื้อครีมข้นขึ้น ให้ใช้ Light Cream Maker หรือ Satin Mousse ในอัตราส่วนมากขึ้น (1.5%, 2.0%) หรือ ให้สูตรมีสัดส่วนของน้ำที่มากขึ้น โดย สัดส่วนของน้ำที่ 90% ของสูตร จะให้ความข้น มากกว่า สัดส่วนของน้ำที่ 80% ของสูตร ประมาณ 3-4เท่า

-หากต้องการเพิ่มการเคลือบผิว สามารถเพิ่มสัดส่วนของน้ำมันได้ แต่ไม่ควรเกิน 20% เนื่องจากจะเริ่มทำให้เนื้อสูตรมีลักษณะเหนอะหนะผิว

 

การใช้: เป็นสารประสานเนื้อครีม (emulsifier) ชนิด water-in-oil (น้ำในน้ำมัน)

วิธีการผสม: ผสมใน oil-phase กรุณาดูรายละเอียดด้านบน

อัตราการใช้: 1-5% กรุณาดูรายละเอียดด้านบน

ลักษณะผลิตภัณฑ์: ของเหลวลักษณะน้ำมัน สีเหลืองเข้ม

การละลาย: สามารถละลายในน้ำมัน

การเก็บรักษา: สามารถเก็บในอุณหภูมิห้อง แต่ปิดฝาขวดให้สนิท แล้วมิดชิดจากแสงแดด หรือความร้อน ผลิตภัณฑ์มีอายุอย่างต่ำ 3ปี

 

INCI Name: 2-Octyl-1-dodecanol (and) polyethylene glycol (30 EO) dipolyhydroxy stearate

Be the first to review this product :-)

Please login to write a review.
Recommend Lab-Service
Lab Service Price
Water-Capsule™ (Water-in-Oil Cream)

สารประสานเนื้อครีม (emulsifier) ชนิด water-in-oil (น้ำห่อหุ้มด้วยน้ำมัน) โดยใช้งานง่าย ไม่ต้องใช้ความร้อน และใช้น้ำมันเพียงเล็กน้อยเพื่อห่อหุ้มน้ำ ทำให้ไม่เหนอะหนะผิว แต่ได้คุณสมบัติที่ดีของ water-in-oil cream เช่น เคลือบผิวได้ดี กันน้ำได้และกระจายตัวเม็ดสีได้ดี เหมาะสำหรับสูตร night cream, BB cream, make-up, ครีมกันแดด ที่สามารถติดทนนาน และปกปิดผิวได้ดี

Water-Capsule™ คือสารประสานเนื้อครีม (emulsifier) ชนิด water-in-oil (น้ำห่อหุ้มด้วยน้ำมัน) โดยใช้งานง่าย ไม่ต้องใช้ความร้อน และใช้น้ำมันเพียงเล็กน้อยเพื่อห่อหุ้มน้ำ ทำให้ไม่เหนอะหนะผิว แต่ได้คุณสมบัติที่ดีของ water-in-oil cream เช่น บำรุงผิวได้ดี ให้ความรู้สึกนุ่มลื่น สามารถกันน้ำได้และกระจายตัวเม็ดสีได้ดี เหมาะสำหรับสูตร night cream, BB cream, make-up, ครีมกันแดด ที่สามารถติดทนนาน และทาง่าย เม็ดสีสม่ำเสมอบนผิวปกปิดได้ดี

 

คำอธิบายเกี่ยวกับ water-in-oil emulsion (น้ำห่อหุ้มด้วยน้ำมัน)

โดยปกติแล้ว ครีม หรือเจล สำหรับทาบำรุงผิว เกิดจาก oil-in-water emulsion หรือ การห่อหุ้มน้ำมันด้วยน้ำ

 

ภาพด้านซ้าย คือ oil-in-water emulsion ภาพด้านขวาคือ water-in-oil emulsion

จุดเด่นของ oil-in-water emulsion ซึ่งใช้ทำเป็นเนื้อครีมหรือเจล บำรุงผิว มากกว่า 95% ของผลิตภัณฑ์ทั้งหมด คือ ไม่เหนอะหนะผิว ซึมง่าย ในขณะที่ข้อด้อยคือ ไม่สามารถเคลือบผิวได้ดี เนื่องจากลักษณะเนื้อผลิตภัณฑ์ถูกเคลือบด้วยน้ำ เมื่อทาลงบนผิว จะให้ความรู้สึกว่านำน้ำมาเคลือบลงบนผิว นอกจากนี้ ยังไม่สามารถกันน้ำได้ เนื่องจากสูตรถูกเคลือบไว้ด้วยน้ำ เมื่อถูกน้ำ ก็จะถูกล้างออกไปในทันที นอกจากนี้ยังไม่เหมาะกับสูตร make-up เช่น BB Cream เนื่องจากไม่สามารถเกลี่ยผงสีและ foundation ให้สม่ำเสมอบนผิวได้ เนื่องจากเม็ดสีมักจะละลายในน้ำมัน เมื่ออยู่ในเบส oil-in-water จะไม่สามารถกระจายตัวได้ดีทั้งในสูตรและบนผิว

 

จุดเด่นของ water-in-oil emulsion คือ สามารถเคลือบผิวได้ดี เหมาะสำหรับผิวที่ขาดน้ำ แห้งรุนแรง และต้องการเคลือบผิวไว้เพื่อไม่ให้ผิวสูญเสียน้ำได้ง่าย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้เป็น night cream หรือใช้บำรุงผิวในอากาศที่แห้งแล้ง อากาศที่เย็น หรือในห้องแอร์ นอกจากนี้ จุดเด่นที่สำคัญของ water-in-oil คือ ความสามารถในการกันน้ำ และความคงทนบนผิว เนื่องจากสูตรถูกเคลือบไว้ด้วยน้ำมัน จึงมีความคงทนอยู่บนผิวได้ยาวนาน และสามารถกันน้ำได้ดี จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับทั้งสูตร make-up และสูตรกันแดด ซึ่งต้องการความคงทน และคลอบคลุม(เกลี่ยง่าย และสม่ำเสมอ) บนผิว

 

จุดด้อยของ water-in-oil emulsion คือ ความเหนอะหนะ และทำให้ผิวดูดมันวาว เนื่องจาก ลักษณะ water-in-oil ชนิดทั่วไป คือต้องมีน้ำมันในปริมาณมาก (ประมาณ 60-90% ของสูตร) ซึ่งทำให้ไม่เป็นที่นิยม ไม่น่าใช้บนผิวในสภาพอากาศทั่วไป

 

ความพิเศษของ Water-Capsule™ คือความสามารถในการสร้าง water-in-oil cream ด้วยน้ำมันในปริมาณเล็กน้อยเพียง 5-20% ก็สามารถสร้างเนื้อครีม water-in-oil ได้ ส่งผลให้จุดด้อยของ water-in-oil ถูกแก้ไขได้อย่างสมบูรณ์ เนื่องจากใช้น้ำมันเพียงแค่เล็กน้อยในสูตร ทำให้ไม่เหนอะหนะเหมือน water-in-oil cream ชนิดทั่วไป

 

ตัวอย่างการใช้ water-in-oil emulsion ชนิดพิเศษที่ไม่เหนอะหนะผิว:

-สูตร night cream ที่ต้องการการเคลือบผิวอย่างบางเบาไม่เหนอะหนะ แต่ให้ความชุ่นชื้นผิวได้ยาวนานตลอดทั้งคืน รวมถึงสูตร day cream สำหรับผิวที่ต้องอยู่ในสภาพอากาศที่แห้ง อยู่ในห้องแอร์ระยะเวลานาน

-สูตร make-up หรือ SPF ที่ต้องการความบางเบา แต่คงทนยาวนานบนผิว แม้เจอเหงื่อ หรือน้ำ รวมถึงสามารถเกลี่ยบนผิวได้ง่ายและได้สีที่สม่ำเสมอเรียบเนียน

 

ความแตกต่างระหว่าง Water-in-Oil EZ™ และ Water-Capsule™

ทั้ง Water-Capsule™ และ Water-in-Oil EZ™ ใช้สำหรับสร้างเนื้อสูตรครีมหรือเซรั่ม ที่มีลักษณะ water-in-oil เหมือนกัน แต่มีความแตกต่างดังนี้:

-Water-in-Oil EZ™ สามารถทำงานในสูตรที่มี electrolyte ได้เป็นอย่างดี โดยไม่มีผลกระทบใดๆ ตัวอย่างสารที่มี electrolyte สูง เช่น DMAE , Sodium Lactate ในขณะที่สารประสานอื่นๆ รวมถึง Water-Capsule™ ไม่สามารถสร้างเนื้อได้ หรือต้องใช้ในปริมาณสูงมาก

-Water-in-Oil EZ™ สามารถรองรับน้ำมัน, silicone ได้สูงสุด 35% แต่ Water-Capsule™ สามารถรองรับน้ำมันได้สูงสุด 20% หากสูตรเน้นการใช้ silicone หรือมีสัดส่วนของน้ำมันสูง กรุณาเลือกใช้ Water-in-Oil EZ™

-Water-Capsule™ สามารถรับเนื้อสูตรให้ข้น-เหลว ได้ง่าย ด้วยการปั่นที่แรงขึ้น/นานขึ้น จะได้เนื้อสูตรที่ข้นขึ้น แต่ ในการปรับความข้นของ Water-in-Oil EZ™ จะต้องมีการปรับอัตราส่วนผสม หรือใช้ Gel Maker / Thickener ช่วย

 

ขั้นตอนการผสม water-in-oil cream ด้วย Water-Capsule™ *กรุณาอ่านอย่างละเอียดก่อนเริ่มผสม*

การผสม water-in-oil cream จะประกอบด้วย 2 ส่วน

1.ส่วนน้ำ (water-phase) ซึ่งประกอบด้วย ส่วนผสมที่ละลายในน้ำ, Light Cream Maker หรือ Satin Mousse และ น้ำ

2.ส่วนน้ำมัน (oil-phase) ซึ่งประกอบด้วย ส่วนผสมที่ละลายในน้ำมัน, Water-Capsule™ และ น้ำมันชนิดใดๆ เช่นน้ำมันธรรมชาติ หรือกลุ่ม LipidSoft รวมถึงซิลิโคน เช่น cyclomethicone, dimethicone นอกจากนี้ หากมีเม็ดสี (pigments) หรือ สารกันแดด (sunscreen) ให้ใส่ในส่วนของน้ำมันนี้

 

อัตราการใช้ ของส่วนผสมต่างๆ

-Water-Capsule™ 1-5% หากมีส่วนของน้ำมากกว่า 80% ของสูตร ให้ใช้ Water-Capsule™ ระดับ 4-5% แต่ หากมีส่วนของน้ำน้อยกว่า 80% ของสูตร ให้ใช้ Water-Capsule™ ระดับ 1-3%

-Light Cream Maker หรือ Satin Mousse 1-2% ขึ้นอยู่กับความข้นของเนื้อสูตรที่ต้องการ แนะนำ 1.5%

-น้ำมันชนิดใดๆ ให้เลือกตามลักษณะเนื้อของน้ำมันที่ต้องการ เช่นเนื้อเบา: LipidSoft™ Lite เนื้อหนัก: Jojoba Oil  สัดส่วน 5-20% แนะนำ 10%

 

ขั้นตอนการผสม

1.นำส่วนของน้ำ มาผสมรวมกัน ทั้งหมด จนได้เนื้อเจล ปรับแต่งความข้นของเนื้อ ที่ต้องการ ได้ด้วยการเพิ่มหรือลด Light Cream Maker หรือ Satin Mousse ในกรณีที่มีส่วนผสมที่ต้องละลายในความร้อน สามารถอุ่นให้ร้อนเพื่อให้ส่วนผสมละลายรวมกันได้ (ไม่จำเป็นต้องใช้ความร้อน หากส่วนผสมทุกตัวในส่วนของน้ำละลายเข้ากันได้ในอุณหภูมิห้อง)

2.นำส่วนของน้ำมัน มาผสมรวมกัน ในกรณีที่มีส่วนผสมที่ต้องละลายในความร้อน สามารถอุ่นให้ร้อนเพื่อให้ส่วนผสมละลายรวมกันได้ (ไม่จำเป็นต้องใช้ความร้อน หากส่วนผสมทุกตัวในส่วนของน้ำมันละลายเข้ากันได้ในอุณหภูมิห้อง)

3.นำส่วนของน้ำมัน เติมลงในส่วนของน้ำ ครั้งเดียวทั้งหมด ห้ามเติมทีละเล็กน้อย จากนั้นค่อยๆคนให้เข้ากัน หากใช้เครื่องปั่น ให้ปั่นด้วยความเร็วต่ำ ไม่เกิน 100รอบต่อนาที ส่วนผสมจะรวมตัวกันจนได้ water-in-oil cream ภายใน 3-5นาที เมื่อเข้ากัน น้ำมันจะไม่แยกออกจากส่วนของน้ำ

4.หากต้องการให้เนื้อข้น ให้ปั่นด้วยความเร็วสูง แต่ห้ามเกิน 3000รอบต่อนาที [แนะนำ 1000-1500รอบ จะได้เนื้อครีมข้นเพียงพอ] โดยความเร็วที่ยิ่งสูงจะยิ่งทำให้เนื้อข้นมากยิ่งขึ้น แต่หากต้องการเนื้อสูตรที่เหลว ให้ปั่นที่ความเร็วต่ำ [ไม่ต้องปั่นเพิ่มจากข้อ 3 หลังจากเนื้อเข้ากันดีแล้ว สามารถใช้งานได้เลย]

 

ตัวอย่างสูตร Moisturizing Body Milk โลชั่นเนื้อบางเบาให้ความชุ่มชืน้ผิวได้ยาวนานตลอดทั้งคืน:

1.Water-Capsule™ 4%

2.LipidSoft™ Lite 6%

3.Panthenol (Vitamin B5) ExtraLite™ 5%

4.Vitamin B3, Niacinamide (Safe-B3™) 5%

5.Light Cream Maker 1%

6.น้ำ 78%

7.สารกันเสีย Mild Preserved 1%

 

ขั้นตอน: นำ 1+2 ผสมกันและแยกไว้เป็นส่วนของน้ำมัน, นำ 3+4+5+6+7 ผสมจนเข้ากัน จนกลายเป็นเนื้อเจล เป็นส่วนของน้ำ แล้วจึงนำส่วนแรก(น้ำมัน)ที่แยกไว้ มาเติมลงในส่วนของน้ำ ในคราวเดียวทั้งหมด แล้วคนให้เข้ากันจนได้เนื้อครีม

 

ตัวอย่างสูตร BB Cream SPF14 เกลี่ยง่าย ครอบคลุมปกปิดผิวได้ดีเยี่ยม ติดทนนาน แต่บางเบา ไม่เหนอะหนะ

1.Water-Capsule™ 3%

2.LipidSoft™ 5%

3.Titanium Dioxide Nano EasyDisperse™ 7%

4.Beige Iron Oxides EasyMix™ 2% (ปรับมากน้อย ให้เข้ากับโทนสีของผิว)

5.Silicone Gel Base (Ultra Clear) 5%

6.Cyclomethicone 5%

7.Light Cream Maker 1%

8.น้ำ 71%

9.สารกันเสีย Mild Preserved 1%

 

 ขั้นตอน: นำ 1+2+3+4+5+6 ผสมกันและแยกไว้เป็นส่วนของน้ำมัน, นำ 7+8+9 ผสมจนเข้ากัน จนกลายเป็นเนื้อเจล เป็นส่วนของน้ำ แล้วจึงนำส่วนแรก(น้ำมัน)ที่แยกไว้ มาเติมลงในส่วนของน้ำ ในคราวเดียวทั้งหมด แล้วคนให้เข้ากันจนได้เนื้อครีม

 

การปรับแต่ง:

-หากต้องการให้เนื้อครีมข้นขึ้น ให้ใช้ Light Cream Maker หรือ Satin Mousse ในอัตราส่วนมากขึ้น (1.5%, 2.0%) หรือ ให้สูตรมีสัดส่วนของน้ำที่มากขึ้น โดย สัดส่วนของน้ำที่ 90% ของสูตร จะให้ความข้น มากกว่า สัดส่วนของน้ำที่ 80% ของสูตร ประมาณ 3-4เท่า

-หากต้องการเพิ่มการเคลือบผิว สามารถเพิ่มสัดส่วนของน้ำมันได้ แต่ไม่ควรเกิน 20% เนื่องจากจะเริ่มทำให้เนื้อสูตรมีลักษณะเหนอะหนะผิว

 

การใช้: เป็นสารประสานเนื้อครีม (emulsifier) ชนิด water-in-oil (น้ำในน้ำมัน)

วิธีการผสม: ผสมใน oil-phase กรุณาดูรายละเอียดด้านบน

อัตราการใช้: 1-5% กรุณาดูรายละเอียดด้านบน

ลักษณะผลิตภัณฑ์: ของเหลวลักษณะน้ำมัน สีเหลืองเข้ม

การละลาย: สามารถละลายในน้ำมัน

การเก็บรักษา: สามารถเก็บในอุณหภูมิห้อง แต่ปิดฝาขวดให้สนิท แล้วมิดชิดจากแสงแดด หรือความร้อน ผลิตภัณฑ์มีอายุอย่างต่ำ 3ปี

 

INCI Name: 2-Octyl-1-dodecanol (and) polyethylene glycol (30 EO) dipolyhydroxy stearate

Mechanism -
Appearance -
Longevity -
Strength -
Storage -
Shelf Life -
Allergen(s) -
Dosage (Range) -
Dosage (Per Day) -
Mix Method -
Heat Resistance -
Stable in pH range -
Solubility -
Product Types -
INCI -

ตะกร้า

ไม่มีสินค้า

Subtotal: ฿0.00
฿0.00 รวมทั้งสิ้น :