สูตรเซรั่มไร้น้ำ L-Ascorbic Acid, Phloretin, EGCG

ถามโดย: fernananan เมื่อ: January 31, 2023 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

สูตรเซรั่มไร้น้ำที่มี L-ascorbic acid (15%), Phloretin (2%), Pure EGCG (1%) ในเบส Isododecane (20%) และ Silicone Gel (62%) นี้สามารถผสมได้หรือไม่ และวิธีการผสมผงส่วนผสมที่เสนอมาถูกต้องหรือไม่?

คำตอบ

การทบทวนสูตร: เซรั่ม L-Ascorbic Acid, Phloretin, EGCG

สูตรที่คุณให้มาเป็นเซรั่มแบบไร้น้ำ (anhydrous) ที่น่าสนใจ ซึ่งผสมผสานสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ได้แก่ L-ascorbic acid, Phloretin และ Pure EGCG ในเบสของ Isododecane และ Silicone Gel เบสประเภทนี้เหมาะสมสำหรับ L-ascorbic acid เนื่องจากช่วยรักษาความเสถียรของวิตามินซีได้ดี ต่างจากสูตรที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบซึ่ง L-ascorbic acid อาจเสื่อมสภาพได้อย่างรวดเร็ว

มาดูส่วนประกอบแต่ละตัว:

  • L-ascorbic acid (Ultra-Fine): เป็นวิตามินซีที่มีประสิทธิภาพสูง รูปแบบผงละเอียดพิเศษนี้ออกแบบมาให้กระจายตัวได้ดีในระบบที่ไม่มีน้ำ เช่น ซิลิโคนเจล ซึ่งเหมาะสมกับสูตรของคุณ
  • Phloretin: เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพของวิตามินซี เป็นผงที่กระจายตัวในสูตรได้
  • Pure EGCG: เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพสูงจากสารสกัดชาเขียว เป็นผงที่กระจายตัวในสูตรได้เช่นกัน
  • Isododecane: เป็นตัวทำละลายที่เบาและระเหยง่าย เข้ากันได้กับซิลิโคน และช่วยในการกระจายผงในสูตรที่ไม่มีน้ำ
  • Silicone Gel: ให้เนื้อสัมผัสของเซรั่ม ทำให้นุ่มลื่น ไม่เหนอะหนะ และเข้ากันได้กับ Isododecane

การประเมินวิธีการผสม:

วิธีการผสมที่คุณเสนอมาเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่สามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นเพื่อให้ผงกระจายตัวได้ดียิ่งขึ้นและได้ผลิตภัณฑ์ที่เนียนขึ้น

  1. บด L-ascorbic acid ใน Isododecane: ขั้นตอนนี้ถูกต้อง การกระจายผง L-ascorbic acid ใน Isododecane ก่อนจะช่วยให้ผงเปียกและป้องกันการจับตัวเป็นก้อนเมื่อเติมลงในซิลิโคนเจล
  2. ค่อยๆ เทลงใน Silicone Gel: ขั้นตอนนี้ก็ถูกต้องเช่นกัน โดยนำส่วนที่กระจายผงแล้วมาเติมลงในเบสหลัก
  3. ใส่ Pure EGCG และ Phloretin: การเติมผงเหล่านี้ลงไปโดยตรงในขั้นตอนนี้อาจทำให้การกระจายตัวไม่ดีและอาจเกิดการจับตัวเป็นก้อนได้ เนื่องจากผงเหล่านี้ไม่ได้ละลายในเบสนี้ แต่ต้องการการกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ

ข้อเสนอแนะวิธีการผสมที่ปรับปรุง:

เพื่อให้ได้การกระจายตัวของผงทั้งหมดที่สม่ำเสมอและเสถียรยิ่งขึ้น ลองพิจารณาวิธีการผสมที่ปรับปรุงดังนี้:

  1. ชั่งส่วนผสมทั้งหมดให้ถูกต้อง
  2. ในภาชนะแยกต่างหาก ใส่ Isododecane ค่อยๆ เติมผง L-ascorbic acid ลงใน Isododecane พร้อมกับคนหรือกวนเพื่อให้กระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีผงแห้งจับตัวเป็นก้อน
  3. ในภาชนะขนาดเล็กมากอีกใบ ตักส่วนผสม Isododecane/L-ascorbic acid ที่กระจายตัวแล้วมาเล็กน้อย (หรือใช้ Isododecane แยกต่างหากปริมาณเล็กน้อย) เติมผง Pure EGCG และ Phloretin ลงในของเหลวปริมาณเล็กน้อยนี้ และกระจายให้เข้ากันอย่างทั่วถึง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีผงแห้งเหลืออยู่
  4. นำส่วนผสม EGCG/Phloretin ที่กระจายตัวแล้วจากขั้นตอนที่ 3 มารวมกับส่วนผสม L-ascorbic acid หลักจากขั้นตอนที่ 2 ผสมให้เข้ากันดี
  5. ค่อยๆ เติมส่วนผสมผงที่รวมกันนี้ลงในเบส Silicone Gel พร้อมกับคนอย่างต่อเนื่อง ผสมจนเนื้อสูตรทั้งหมดเป็นเนื้อเดียวกันและเนียน ไม่มีอนุภาคผงหรือก้อนที่มองเห็นได้
  6. บรรจุเซรั่มในภาชนะที่ปิดสนิทและทึบแสง เพื่อป้องกันแสงและอากาศ
  7. เก็บผลิตภัณฑ์ที่เสร็จแล้วในที่เย็น โดยเฉพาะในตู้เย็น เพื่อรักษาความเสถียรและประสิทธิภาพของส่วนผสมออกฤทธิ์ (L-ascorbic acid, Phloretin, EGCG)

การกระจายผงแต่ละชนิดหรือแต่ละกลุ่มในของเหลวที่เข้ากันได้ก่อนที่จะนำมารวมกับเบสหลัก จะช่วยให้ได้การกระจายตัวที่ดีขึ้นและเสถียรยิ่งขึ้น ทำให้ได้เซรั่มที่มีประสิทธิภาพและเนื้อสัมผัสที่ดีขึ้น

สูตรนี้ดูเป็นไปได้ แต่เทคนิคการผสมและการจัดเก็บที่เหมาะสมมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเสถียรและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
เครื่องสำอาง
Silicone Gel (Ultra Clear, Super Silky)
Silicone Gel (Ultra Clear, Super Silky)
เครื่องสำอาง
Pure-Phloretin™
Pure-Phloretin™
เครื่องสำอาง
Pure-EGCG™ (Green Tea Extract, 98% EGCG)
Pure-EGCG™ (Green Tea Extract, 98% EGCG)
เครื่องสำอาง
Isododecane (Ultra Lite)
Isododecane (Ultra Lite)
เครื่องสำอาง