
หลังจากที่ได้พูดถึงกันมาระยะหนึ่งเกี่ยวกับการผสม Vitamin C ชนิด L-ascorbic acid ที่ไม่เหมาะกับผสมในน้ำโดยตรง เนื่องจากมีความเสถียรต่ำ (ทั้งโดยน้ำ โดนแสงแดด และโดยความร้อน จะทำให้เสื่อมคุณภาพ) แต่เป็น vitamin c ชนิดที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งด้านปรับให้ผิวกระจ่างใส และลดริ้วรอย เนื่องจากเป็นชนิดที่ เมื่อผิวโดยซึมแล้วสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้โดยตรงเลย แตกต่างจาก vitamin c ชนิดอื่นๆ ที่เมื่อผิวดูดซึมแล้ว ต้องแปลงให้เป็น l-ascorbic acid ก่อนนำไปใช้ได้ จึงเป็นที่มาของสูตร Vitamin C in Silicone หรือ Vitamin C Anhydrous (ซึ่งแปลว่า ปราศจากน้ำ) นัั่นเองค่ะ
อธิบายด้านทฤษฎีก่อนนะคะ คือ เราต้องการ suspend ผง L-Ascorbic Acid นี้ ให้อยู่ในเนื้อ silicone gel โดยให้กระจายตัวให้ทั่ว ชนิดของผม L-Ascorbic Acid ที่เราใช้ จึงต้องเป็นชนิดอนุภาคเล็กที่สุด หรือ L-Ascorbic Acid Ultra Fine ค่ะ เพราะยิ่งอนุภาคเล็กเท่าไหร่ ก็จะยิ่งกระจายตัวได้ดีเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากสูตรน้ำ เพราะถ้าเป็นสูตรน้ำ ผง Vitamin C จะสามารถละลายน้ำได้เลย และไม่มีความจำเป็นต้องใช้ผงที่มีอนุภาคเล็กเป็นพิเศษ แต่พอมาอยู่ใน Silicone ผงวิตามินซีนี้ ไม่ได้ละลาย แต่ลอยตัวอยู่ใน Silicone เมื่อทาลงสู่ผิวแล้วจึงค่อยละลายค่ะ
นอกจาก Silicone Gel ที่ต้องใช้ในการ suspend ผง L-Ascorbic Acid แล้ว ยังต้องมีของเหลวที่ไว้ใช้หล่อลื่น ปรับความนุ่มลื่นของเนื้อเจล ซึ่งในกรณีนี้เราเลือกใช้ Isododecane ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษคือ สามารถละลายใน Silicone Gel (คือรวมตัวกันได้) และมีน้ำหนักเบามากๆ เวลาทาลงผิวจะระเหยอย่างรวดเร็ว และมีความปลอดภัยสูงค่ะ
ส่วนผสมที่ต้องใช้
silicone gel 60%
Isododecane 20%-25%
L-Ascorbic Acid Ultra-Fine 15-20%
วิธีทำ ต้องทำตามอย่างละเอียดนะคะ เนื่องจากมีเคล็ดลับบางขั้นตอน
1.นำ L-Ascorbic Acid Ultra-Fine มาบดให้ละเอียด ใน Isododecane
จุดสำคัญของขั้นตอนนี้คือ พยายามบดให้ L-Ascorbic Acid ที่เป็นผงอนุภาคเล็ก กระจายตัว อย่างละเอียด ใน Isododecane ไม่ให้จับตัวกันเป็นก้อน ขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพราะถ้าไม่ละเอียด เมื่อเดี๋ยวเราใส่ลงไปใน Silicone Gel แล้วมันจะจับตัวกันเป็นก้อนค่ะ
2.ค่อยๆเทลงใน Silicone Gel ในขณะที่เราคนต่อเนื่องเรื่อยๆ ให้ผงวิตามินซี กระจายตัวได้มากที่สุด
เราก็จะได้ Vitamin C Silicone Serum เรียบร้อย ให้เก็บไว้ในที่ทึบแสง และในตู้เย็น เพราะอย่าลืมว่า แม้ว่าไม่มีน้ำที่ทำให้ l-ascorbic acid เสื่อมคุณภาพ แต่ก็ยังมีแสงหรือความร้อน เพราะฉะนั้นให้เลี่ยงปัจจัยดังกล่าวค่ะ
ที่ดีที่สุดคือ อย่าทำเยอะค่ะ l-ascorbic acid มีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อเวลาที่สดใหม่ เพราะฉะนั้นค่อยๆทำค่อยๆใช้ จะได้ผลดีมากค่ะ
ขอบคุณค่ะ
Staff - MySkinRecipes