การเปรียบเทียบ Sodium Stearoyl Lactylate และ Sodium Lauroyl Lactylate

ทั้ง Sodium Stearoyl Lactylate และ Sodium Lauroyl Lactylate เป็นอิมัลซิไฟเออร์ที่ได้จากกรดแลคติกและกรดไขมัน อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างที่สำคัญอยู่ที่ชนิดของกรดไขมันที่ใช้:

• Sodium Stearoyl Lactylate ได้มาจากกรดสเตียริก (กรดไขมันสายยาว)
• Sodium Lauroyl Lactylate ได้มาจากกรดลอริก (กรดไขมันสายสั้น)

ความแตกต่างของความยาวสายโซ่กรดไขมันนี้ส่งผลให้มีคุณสมบัติและการใช้งานหลักที่แตกต่างกัน:

Sodium Stearoyl Lactylate

• หน้าที่หลัก: ใช้เป็นอิมัลซิไฟเออร์ชนิดน้ำในน้ำมัน (W/O) หรือน้ำมันในน้ำ (O/W) เป็นที่รู้จักในความสามารถในการสร้างอิมัลชันที่เสถียร และยังให้คุณสมบัติในการให้ความชุ่มชื้นและปรับสภาพผิวได้ดี
• การละลายและการผสม: ละลายได้ในน้ำมัน และต้องใช้ความร้อน (โดยทั่วไป 70-80°C) เพื่อผสมเข้ากับส่วนของน้ำมัน มักแนะนำให้ใช้ร่วมกับสารเพิ่มความข้น เช่น Cetearyl Alcohol หรือ Cetyl Alcohol เพื่อความเสถียรของสูตรที่ดีที่สุด
• อัตราการใช้ทั่วไป: 1-3%
• การใช้งาน: นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์แบบ Leave-on เช่น ครีม โลชั่น และมอยส์เจอร์ไรเซอร์ ที่ต้องการอิมัลชันที่เสถียรและให้ความรู้สึกที่ดีต่อผิว

Sodium Lauroyl Lactylate

• หน้าที่หลัก: จัดอยู่ในกลุ่มสารลดแรงตึงผิวประจุลบแบบอ่อนโยน แม้ว่าจะทำหน้าที่เป็นอิมัลซิไฟเออร์ (ช่วยทำให้น้ำมันเข้ากับน้ำได้) แต่ก็ยังทำหน้าที่เป็นสารเพิ่มความหนืด สารเพิ่มฟอง (ในผลิตภัณฑ์แบบ Rinse-off) สารทำให้คงตัว และสารปรับปรุงความรู้สึกของผิว เป็นที่ทราบกันดีว่าอ่อนโยนต่อผิว
• การละลายและการผสม: สามารถกระจายตัวได้ในส่วนผสมของน้ำและน้ำมัน มีความเสถียรต่อความร้อนและเหมาะสำหรับกระบวนการผลิตแบบเย็น แม้ว่าจะสามารถใช้ในสูตรที่ใช้ความร้อนได้เช่นกัน
• อัตราการใช้ทั่วไป: 0.5-5%
• การใช้งาน: เป็นส่วนผสมที่หลากหลาย ใช้ได้ทั้งในผลิตภัณฑ์แบบ Rinse-off (แชมพู สบู่อาบน้ำ เจลล้างหน้า) และผลิตภัณฑ์แบบ Leave-on (ครีม โลชั่น ครีมนวดผม ครีมกันแดด)

สามารถใช้ทดแทนกันในสูตรมอยส์เจอร์ไรซิ่งครีมได้หรือไม่?

แม้ว่าส่วนผสมทั้งสองชนิดจะสามารถทำหน้าที่เป็นอิมัลซิไฟเออร์ในมอยส์เจอร์ไรซิ่งครีมได้ แต่ ไม่สามารถใช้ทดแทนกันได้โดยตรง โดยไม่ส่งผลกระทบต่อคุณสมบัติและความเสถียรของผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย

• Sodium Stearoyl Lactylate ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อเป็นอิมัลซิไฟเออร์หลักสำหรับครีมและโลชั่น มีส่วนสำคัญต่อความเสถียรของอิมัลชันและความรู้สึกต่อผิว มักต้องใช้ความร้อนและส่วนผสมร่วมอื่นๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
• Sodium Lauroyl Lactylate เป็นส่วนผสมที่มีฟังก์ชันหลากหลายกว่า ซึ่งนอกจากจะทำหน้าที่เป็นอิมัลซิไฟเออร์แล้ว ยังมีคุณสมบัติเป็นสารลดแรงตึงผิว (แม้จะอ่อนโยน) และสามารถส่งผลต่อความหนืดและความรู้สึกแตกต่างกันไป ความเหมาะสมสำหรับกระบวนการผลิตแบบเย็นก็เป็นความแตกต่างที่ชัดเจน

การนำตัวหนึ่งไปใช้แทนอีกตัวหนึ่งมีแนวโน้มที่จะต้องปรับปรุงสูตร อาจต้องเปลี่ยนส่วนผสมอื่นๆ (เช่น สารเพิ่มความข้น หรืออิมัลซิไฟเออร์ร่วม) และทำการทดสอบความเสถียรเพื่อให้แน่ใจว่าครีมยังคงเสถียรและทำงานได้ตามที่ตั้งใจไว้ ดังนั้น จึงไม่ควรสลับใช้แทนกันแบบหนึ่งต่อหนึ่งในสูตรเดิมเลยค่ะ