ทำความเข้าใจเกี่ยวกับน้ำหอมและการผสม

นี่คือคำตอบสำหรับคำถามของคุณเกี่ยวกับน้ำหอม:

1. มาตรฐานและความคงที่ของกลิ่น Natural Scents (Essential Oil/Absolute)

น้ำมันหอมระเหยและสารสกัด Absolute จากธรรมชาติได้มาจากพืชโดยตรง คุณสมบัติของกลิ่นอาจแตกต่างกันไปในแต่ละล็อตการผลิต เนื่องจากความผันแปรตามธรรมชาติของวัตถุดิบพืช สภาพการปลูก (ดิน สภาพอากาศ เวลาเก็บเกี่ยว) และกระบวนการสกัด

• ความผันแปร: ใช่ แม้จะเป็นพืชชนิดเดียวกัน สารสกัดจากล็อตที่ต่างกันอาจมีกลิ่นที่แตกต่างกันเล็กน้อย หรือบางครั้งก็สังเกตได้ชัดเจน
• การผสมสูตร: เนื่องจากความผันแปรตามธรรมชาตินี้ ในการปรุงน้ำหอมระดับมืออาชีพ มักจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนเมื่อใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติล็อตใหม่ เพื่อรักษากลิ่นสุดท้ายของน้ำหอมให้ได้ตามที่ต้องการ การใช้สัดส่วนเดิมโดยไม่มีการปรับเปลี่ยนอาจทำให้กลิ่นในผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปแตกต่างไปเล็กน้อย

2. ส่วนประกอบของน้ำหอม

ส่วนประกอบของน้ำหอมคือสารเคมีอะโรมาติกแต่ละชนิด หรือสารสกัดจากธรรมชาติที่นำมาผสมกันเพื่อสร้างกลิ่นเฉพาะ

• ส่วนประกอบเหล่านี้อาจเป็น สารเคมีอะโรมาติกสังเคราะห์ ซึ่งสร้างขึ้นในห้องปฏิบัติการเพื่อเลียนแบบกลิ่นธรรมชาติ หรือสร้างกลิ่นใหม่ๆ
• นอกจากนี้ยังอาจเป็น สารสกัดธรรมชาติบริสุทธิ์ (natural isolates) ซึ่งเป็นสารประกอบอะโรมาติกเฉพาะที่แยกได้จากแหล่งธรรมชาติ (เช่น เมนทอลจากน้ำมันเปปเปอร์มินต์)
• น้ำหอมสำเร็จรูปโดยทั่วไปเป็นการผสมผสานที่ซับซ้อนของส่วนประกอบหลายชนิด ซึ่งมักจะรวมทั้งวัสดุสังเคราะห์และวัสดุธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้กลิ่นที่ต้องการ ประสิทธิภาพ และต้นทุนที่เหมาะสม

3. น้ำหอมสำเร็จรูป

น้ำหอมสำเร็จรูป เช่น กลุ่มที่แบ่งตามประเภท (กลิ่นแบรนด์เนม กลิ่นดอกไม้ กลิ่นผลไม้ ฯลฯ) โดยทั่วไปเป็น ส่วนผสม ของวัสดุอะโรมาติกต่างๆ

• โดยปกติแล้วจะไม่ใช่สารสังเคราะห์ทั้งหมด และก็ไม่ใช่สารสกัดธรรมชาติบริสุทธิ์ทั้งหมด
• น้ำหอมสำเร็จรูปส่วนใหญ่ประกอบด้วยสารเคมีอะโรมาติกสังเคราะห์เป็นหลัก ซึ่งมักจะผสมกับน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติหรือ Absolute บางส่วน เพื่อเพิ่มความซับซ้อน ความลึก หรือความเป็นธรรมชาติที่เฉพาะเจาะจง องค์ประกอบที่แน่นอนจะแตกต่างกันไปอย่างมาก ขึ้นอยู่กับกลิ่นที่ต้องการและราคา

4. การผสมน้ำหอม แอลกอฮอล์ และน้ำมัน

คุณถามเกี่ยวกับการผสมน้ำมันหอมระเหย (25%) น้ำมันพืช (10%) และ Ethyl Alcohol 99.9% (ส่วนที่เหลือ 65%) และสิ่งที่สามารถช่วยในการรวมส่วนผสมเหล่านี้ได้

• ความท้าทาย: การผสมน้ำมันพืชในปริมาณมาก (เช่น Sweet Almond Oil, Jojoba Oil หรือ Fractionated Coconut Oil) เข้ากับ Ethyl Alcohol ที่มีความเข้มข้นสูง เพื่อให้ได้สารละลายที่ใสและคงที่นั้น ทำได้ยาก แม้ว่าน้ำมันหอมระเหยโดยทั่วไปจะละลายได้ในแอลกอฮอล์ แต่น้ำมันพืชแบบคงที่ (fixed vegetable oils) จะละลายได้น้อยกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ความเข้มข้นสูง น้ำมันพืช 10% ในสูตรที่คุณเสนอมีแนวโน้มที่จะทำให้ส่วนผสมขุ่นหรือแยกชั้นเมื่อเวลาผ่านไป
• สารช่วยละลาย (Solubilizers): สารช่วยละลายเป็นส่วนผสมที่ใช้เพื่อช่วยกระจายน้ำมัน (เช่น น้ำหอม) ให้เข้ากันได้ดีในเบสที่เป็นน้ำหรือแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์อย่าง Flora Solve™ Clear ถูกออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการใส่น้ำหอมลงในสูตรที่เป็นน้ำโดยไม่ใช้แอลกอฮอล์ แม้ว่าสารช่วยละลายบางชนิดจะช่วยในระบบน้ำมันในแอลกอฮอล์ได้ แต่การทำให้ได้สารละลายที่ใสและคงที่ด้วยน้ำมันพืช 10% และน้ำมันหอมระเหย 25% ในแอลกอฮอล์ 65% นั้นเป็นเรื่องที่ท้าทาย แม้จะใช้สารช่วยละลายก็ตาม
• แนวทางทางเลือก:
  • หากคุณต้องการ สเปรย์น้ำหอมที่มีเบสเป็นแอลกอฮอล์ ที่ใส ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันพืช หรือใช้ในปริมาณที่น้อยมากๆ (เช่น น้อยกว่า 1%) หากจำเป็นจริงๆ เพื่อให้ความรู้สึกที่ดีต่อผิว และใช้สารช่วยละลายที่เหมาะสมหากส่วนผสมน้ำหอมเองไม่ละลายในแอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้นนั้น ความเข้มข้นของน้ำหอมทั้งหมดสำหรับน้ำหอมเบสแอลกอฮอล์โดยทั่วไปจะต่ำกว่า 35%
  • หากคุณต้องการ น้ำหอมแบบน้ำมัน (perfume oil) คุณจะผสมน้ำมันหอมระเหยและน้ำหอมสำเร็จรูปเข้ากับเบสน้ำมันพืชโดยตรง โดยไม่ต้องใช้แอลกอฮอล์เลย

สรุปคือ แม้ว่าคุณจะลองผสมส่วนผสมเหล่านี้ได้ แต่สัดส่วนที่คุณเสนอที่มีน้ำมันพืช 10% ในแอลกอฮอล์ 99.9% มีแนวโน้มที่จะไม่ให้ผลลัพธ์เป็นสารละลายที่ใสและคงที่ คุณอาจต้องปรับสูตรอย่างมีนัยสำคัญ หรือใช้เบสผลิตภัณฑ์ประเภทอื่น ขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ที่คุณต้องการ (สเปรย์ใส หรือน้ำหอมแบบน้ำมัน)