กลิ่นหืนของน้ำมันในเครื่องสำอาง
คำถาม
น้ำมันชนิดใดในรายการที่ระบุมีแนวโน้มเกิดกลิ่นหืนในเครื่องสำอาง และมีวิธีป้องกันหรือแก้ไขปัญหากลิ่นหืนอย่างไรบ้าง รวมถึงการลดปริมาณน้ำมันในสูตรจะช่วยได้หรือไม่?
คำตอบ
น้ำมันที่มีแนวโน้มที่จะเกิดกลิ่นหืน (rancidity) ได้ง่ายในเครื่องสำอาง มักจะเป็นน้ำมันที่มีปริมาณกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง (Polyunsaturated Fatty Acids - PUFAs) สูง เนื่องจากกรดไขมันเหล่านี้ไวต่อการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันเมื่อสัมผัสกับอากาศ ความร้อน แสง หรือโลหะหนัก
จากรายการน้ำมันที่คุณให้มา น้ำมันที่มีแนวโน้มจะเกิดกลิ่นหืนได้ง่ายกว่า ได้แก่:
- Grape Seed Oil (Cold-Pressed): มี PUFAs สูงมาก โดยเฉพาะ Linoleic Acid
- Sunflower Oil (High Omega, Refined): แม้จะผ่านการ Refine แต่ถ้าเป็นชนิด High Omega (หมายถึง Linoleic Acid สูง) ก็ยังไวต่อการเกิดออกซิเดชัน
- Rice Bran Oil (High Omega, Refined): มีทั้งกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและหลายตำแหน่ง ถ้าเป็นชนิด High Omega ก็มีแนวโน้มเกิดกลิ่นหืนได้
- Sweet Almond Oil (Cold-Pressed): มีทั้งกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและหลายตำแหน่ง มีความเสถียรปานกลาง แต่ชนิด Cold-Pressed อาจจะไวต่อการเกิดออกซิเดชันกว่าชนิด Refined
ส่วนน้ำมันที่มีความเสถียรสูงและมีแนวโน้มเกิดกลิ่นหืนได้ยากกว่า ได้แก่:
- Fractionated Coconut Oil: ส่วนใหญ่เป็นกรดไขมันอิ่มตัว (Caprylic/Capric Triglyceride) มีความเสถียรสูงมาก
- Jojoba Oil (Clear - Deodorized): เป็น Liquid Wax ไม่ใช่ Triglyceride มีความเสถียรสูงมาก
- Olive CLEAR (Hydrogenated Olive Oil): ผ่านกระบวนการ Hydrogenation ทำให้มีความอิ่มตัวมากขึ้นและเสถียรขึ้น
- Avocado Oil (Refined): ส่วนใหญ่เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Oleic Acid) มีความเสถียรค่อนข้างดี
- Macadamia Nut Oil (Deodorized): ส่วนใหญ่เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Oleic Acid) และ Palmitoleic Acid มีความเสถียรค่อนข้างดี
วิธีแก้ปัญหาและป้องกันกลิ่นหืน:
- เลือกใช้น้ำมันที่มีความเสถียรสูง: หากเป็นไปได้ ให้เลือกใช้น้ำมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวหรือไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูงแทนน้ำมันที่มี PUFAs สูง
- เติมสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants): เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการชะลอการเกิดกลิ่นหืน สารต้านอนุมูลอิสระที่นิยมใช้ในเครื่องสำอาง เช่น
- Vitamin E (Tocopherol)
- Rosemary Oleoresin Extract (ROE)
- BHT (Butylated Hydroxytoluene)
- BHA (Butylated Hydroxyanisole)
ควรเติมในปริมาณที่เหมาะสมตามคำแนะนำของผู้ผลิตสารต้านอนุมูลอิสระ
- การจัดเก็บที่เหมาะสม: เก็บผลิตภัณฑ์ในที่เย็น มืด และภาชนะที่ปิดสนิท เพื่อลดการสัมผัสกับความร้อน แสง และอากาศ
- ลดการสัมผัสกับปัจจัยกระตุ้น: หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับความร้อนสูง แสงแดด และโลหะหนัก (เช่น เหล็ก ทองแดง) ซึ่งสามารถเร่งปฏิกิริยาออกซิเดชันได้
- ใช้วัตถุดิบที่สดใหม่: ตรวจสอบวันหมดอายุและสภาพของน้ำมันก่อนนำมาใช้
ควรลดส่วนผสมลงหรือไม่:
การลดปริมาณน้ำมันที่มีแนวโน้มเกิดกลิ่นหืนลง อาจช่วยชะลอได้บ้าง แต่ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ หากสูตรยังคงมีน้ำมันที่ไวต่อการเกิดออกซิเดชันอยู่ การเติมสารต้านอนุมูลอิสระและการจัดเก็บที่เหมาะสมเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากกว่าในการป้องกันและยืดอายุผลิตภัณฑ์
ดังนั้น แทนที่จะลดปริมาณน้ำมันที่ต้องการใช้ในสูตร (ซึ่งอาจส่งผลต่อคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์) ควรเน้นการใช้สารต้านอนุมูลอิสระและการจัดการเรื่องการผลิตและการจัดเก็บที่ดีเป็นหลักครับ