การคิดค้นสูตร Pure Vitamin C Serum ผสมไฮยาและเปปไทด์

ถามโดย: rooss1612 เมื่อ: September 17, 2019 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

รบกวนสอบถามเกี่ยวกับการคิดค้นสูตร Pure Vitamin C Serum + Hya + Peptide ครับ มีข้อสงสัยดังนี้:

  • หากต้องการทำละลาย L-ascorbic acid ใน Glycols ไม่ทราบว่ามีคำแนะนำชนิด Glycols ไหมครับ ว่าควรเลือกชนิดใด
  • วิตซี L-ascorbic acid ระหว่าง Fine และ Ultra-Fine มีความแตกต่างกันอย่างไรครับ
  • รบกวนแนะนำสารอื่นๆ ที่ควรนำมาใช้ในการผลิตเป็น Pure Vitamin C Serum + Hya + Peptide ในรูปแบบเนื้อเซรั่มที่คล้ายคลึงกับ Cellular RX และ Pure Vitamin C Some By mi ด้วยนะครับ

คำตอบ

โอเคครับ จากข้อมูลที่รวบรวมได้ นี่คือคำแนะนำในการคิดค้นสูตรสำหรับ Pure Vitamin C Serum ที่มีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid และ Peptides ตามที่คุณสอบถามครับ

คำแนะนำในการคิดค้นสูตร Pure Vitamin C Serum

การละลาย L-Ascorbic Acid ใน Glycols

L-ascorbic acid เป็นสารที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ก็ไม่เสถียรอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสกับน้ำ แม้ว่า Glycols เช่น Propylene Glycol และ Butylene Glycol จะสามารถทำหน้าที่เป็นตัวทำละลายและสารให้ความชุ่มชื้นในสูตรเครื่องสำอางได้ แต่โดยทั่วไปแล้ว L-ascorbic acid จะไม่ถูกละลาย โดยตรง และ ทั้งหมด ใน Glycols เพื่อให้ได้เซรั่มที่เสถียร

L-ascorbic acid สามารถละลายในน้ำได้ แต่ความเสถียรในน้ำต่ำมาก เว้นแต่จะมีการควบคุมค่า pH อย่างระมัดระวัง (ควรอยู่ระหว่าง 2.0-4.0 แต่ อย. แนะนำให้ผลิตภัณฑ์ทาผิวมีค่า pH 3.5 ขึ้นไป)

เพื่อให้ L-ascorbic acid มีความเสถียรมากขึ้น สูตรเซรั่มมักจะถูกพัฒนาในรูปแบบ:

  1. ระบบที่ไม่มีน้ำ (Anhydrous systems): ใช้ตัวทำละลายที่ไม่มีน้ำ เช่น ซิลิโคน หรือ Glycols/ตัวทำละลายอื่นๆ ที่ไม่มีน้ำในความเข้มข้นสูง ซึ่ง L-AA จะอยู่ในสถานะแขวนลอยหรือละลายช้าๆ จนกว่าจะทาลงบนผิว (ซึ่งจะทำปฏิกิริยากับความชื้นบนผิว)
  2. ระบบที่มีน้ำและค่า pH ต่ำ (Low pH aqueous systems): ใช้น้ำเป็นตัวทำละลายหลัก แต่ปรับค่า pH ให้อยู่ในช่วงกรด (2.0-4.0) เพื่อเพิ่มความเสถียรของ L-AA วิธีนี้มักต้องใช้สาร Chelating Agent เช่น Disodium EDTA เพื่อลดการเสื่อมสภาพที่เกิดจากไอออนของโลหะ

Glycols เช่น Propylene Glycol และ Butylene Glycol สามารถเป็นส่วนประกอบที่มีประโยชน์ในทั้งสองรูปแบบสูตร ช่วยในการกระจายตัวของ L-AA ในระบบที่ไม่มีน้ำ หรือเป็นตัวทำละลายร่วมและสารให้ความชุ่มชื้นในระบบที่มีน้ำและค่า pH ต่ำ Butylene Glycol มักเป็นที่นิยมมากกว่าเนื่องจากมีความอ่อนโยนต่อผิวน้อยกว่า Propylene Glycol

ความแตกต่างระหว่าง L-Ascorbic Acid เกรด Fine และ Ultra-Fine

ความแตกต่างหลักระหว่าง L-ascorbic acid เกรด Fine และ Ultra-Fine คือขนาดอนุภาค:

  • Vitamin C (L-ascorbic acid) (Fine): มีขนาดอนุภาคอยู่ในช่วง 200-300 ไมครอน สามารถละลายในน้ำได้ แต่อาจต้องใช้ความร้อนเล็กน้อย (50-70°C เป็นเวลา 1-3 นาที) ช่วยในการละลาย
  • Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine): มีขนาดอนุภาคเล็กกว่า 45 ไมครอน ผงที่ละเอียดมากนี้สามารถกระจายตัวได้ดีมากและละลายในน้ำได้ทันที เหมาะอย่างยิ่งสำหรับสูตรที่ไม่มีน้ำซึ่งการกระจายตัวเป็นสิ่งสำคัญ

ทั้งสองเกรดเป็น L-ascorbic acid และมีประสิทธิภาพสูงเหมือนกัน แต่มีความเสถียรต่ำในน้ำ การเลือกระหว่างเกรด Fine และ Ultra-Fine ขึ้นอยู่กับระบบตัวทำละลายในสูตรของคุณและความสะดวกในการกระจายตัว/ละลาย สำหรับระบบที่ไม่มีน้ำ เกรด Ultra-Fine จะช่วยให้กระจายตัวได้ง่ายกว่า

คำแนะนำสำหรับการคิดค้นสูตร Pure Vitamin C Serum + Hya + Peptide

เพื่อให้ได้เซรั่มที่มีเนื้อสัมผัสคล้ายกับผลิตภัณฑ์ที่คุณกล่าวถึง และมีส่วนประกอบของ L-ascorbic acid, Hyaluronic Acid และ Peptides ลองพิจารณาดังนี้:

  1. Vitamin C (L-Ascorbic Acid): เลือกใช้เกรด Fine หรือ Ultra-Fine เนื่องจากต้องการเนื้อเซรั่ม (ซึ่งมักมีส่วนประกอบของน้ำ) คุณอาจต้องใช้ระบบน้ำที่มีค่า pH ต่ำเพื่อความเสถียร ตั้งเป้าหมายค่า pH ระหว่าง 3.5-4.0 และใส่สาร Chelating Agent เช่น Disodium EDTA นอกจากนี้ อาจพิจารณาเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น Ferulic Acid และ Vitamin E ซึ่งทราบกันดีว่าช่วยเพิ่มความเสถียรและประสิทธิภาพของ L-AA
  2. Hyaluronic Acid: เพื่อให้ได้เนื้อเซรั่มและเพิ่มความชุ่มชื้น ควรใส่ Hyaluronic Acid การใช้ Hyaluronic Acid ที่มีขนาดโมเลกุลต่างกันสามารถให้ประโยชน์ในการให้ความชุ่มชื้นในระดับความลึกที่แตกต่างกันของผิว และช่วยสร้างเนื้อเจล
    • Hyaluronic Acid (Standard Molecule) และ Hyaluronic Acid (Large Molecule) เหมาะสำหรับการให้ความชุ่มชื้นที่ผิวชั้นนอกและช่วยเพิ่มความหนืดของเซรั่ม
    • Hyaluronic Acid (Super Low Molecule, 7000daltons) สามารถซึมลึกเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น
    • อีกทางเลือกหนึ่งคือการใช้ Hyaluronic Acid Gel Base ซึ่งเป็นเบสสำเร็จรูปที่สะดวกในการนำไปผสมกับส่วนประกอบอื่นๆ โปรดจำไว้ว่าสารละลาย Hyaluronic Acid ที่มีน้ำจำเป็นต้องใส่สารกันเสีย เช่น Phenoxyethanol
  3. Peptides: เพื่อเพิ่มประโยชน์จาก Peptide ลองพิจารณาใช้ Pep®-Max12 (12 Peptides Mixture) ซึ่งเป็นส่วนผสมของ Peptide ยอดนิยม 12 ชนิดในโซลูชั่นเดียว ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพสูง ให้ประโยชน์หลากหลายทั้งลดเลือนริ้วรอยและปรับผิวให้กระจ่างใส ตัวเลือกอื่นๆ ได้แก่ Pep-Even™ (Tetrapeptide-30) สำหรับปรับผิวให้กระจ่างใส หรือ Pep®-Synthe6 (Palmitoyl Tripeptide-38) สำหรับลดเลือนริ้วรอย Peptides โดยทั่วไปละลายน้ำได้และควรเติมในขั้นตอนสุดท้ายของการผสมที่อุณหภูมิต่ำกว่า 40°C
  4. ระบบตัวทำละลาย: การผสมผสานระหว่างน้ำและ Glycols (เช่น Butylene Glycol หรือ Propylene Glycol) เป็นเรื่องปกติในเซรั่ม L-AA ที่มีค่า pH ต่ำ Glycols ช่วยในการละลาย ทำหน้าที่เป็นสารให้ความชุ่มชื้น และสามารถปรับปรุงเนื้อสัมผัสได้
  5. การทำให้เสถียร: นอกจากการควบคุมค่า pH และ Chelating Agent แล้ว ควรพิจารณาเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ และอาจใช้บรรจุภัณฑ์ที่ป้องกันแสง (ขวดทึบแสง) เพื่อรักษาความเสถียรของ L-AA

เคล็ดลับการคิดค้นสูตรทั่วไป:

  • ทำงานในสภาพแวดล้อมที่สะอาด
  • ชั่งตวงส่วนผสมอย่างแม่นยำ
  • เติม L-ascorbic acid ลงในส่วนของน้ำหลังจากปรับค่า pH แล้ว หรือกระจายตัวในส่วนที่ไม่มีน้ำในระบบ Anhydrous
  • เติมส่วนผสมที่ไวต่อความร้อน เช่น Peptides ในขั้นตอนการเย็นตัวที่อุณหภูมิต่ำกว่า 40°C
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสูตรของคุณมีสารกันเสียที่เหมาะสมหากมีส่วนประกอบของน้ำ

ด้วยการเลือกส่วนผสมอย่างรอบคอบและปฏิบัติตามเทคนิคการคิดค้นสูตรที่ถูกต้อง คุณจะสามารถสร้าง Pure Vitamin C Serum ที่มีประสิทธิภาพ พร้อมเนื้อสัมผัสและประโยชน์ที่คุณต้องการได้ครับ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Hyaluronic Acid (Standard Molecule)
Hyaluronic Acid (Standard Molecule)
เครื่องสำอาง
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
เครื่องสำอาง
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Fine)
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Fine)
เครื่องสำอาง
Propylene Glycol
Propylene Glycol
เครื่องสำอาง
Butylene Glycol
Butylene Glycol
เครื่องสำอาง
Hyaluronic Acid (Large Molecule)
Hyaluronic Acid (Large Molecule)
เครื่องสำอาง
Hyaluronic Acid Gel Base
Hyaluronic Acid Gel Base
เครื่องสำอาง
Pep-Even™ (Tetrapeptide-30)
Pep-Even™ (Tetrapeptide-30)
เครื่องสำอาง
Pep®-Synthe6 (Palmitoyl Tripeptide-38)
Pep®-Synthe6 (Palmitoyl Tripeptide-38)
เครื่องสำอาง
Hyaluronic Acid (Super Low Molecule, 7000daltons)
Hyaluronic Acid (Super Low Molecule, 7000daltons)
เครื่องสำอาง
Pep®-Max12 (12 Peptides Mixture, 2200ppm)
Pep®-Max12 (12 Peptides Mixture, 2200ppm)
เครื่องสำอาง