การดูแลผิวในช่วงหยุดใช้ครีมสเตียรอยด์และเสริมสร้างผิวให้แข็งแรง

ดูเหมือนว่าน้องสาวของคุณกำลังมีอาการผิวหนังอักเสบจากการหยุดใช้สเตียรอยด์เฉพาะที่หลังจากการใช้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน หัวใจสำคัญในการดูแลคือการค่อยๆ ลดปริมาณครีมสเตียรอยด์ลง พร้อมกับเน้นการฟื้นฟูและเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว และเติมความชุ่มชื้นอย่างเต็มที่ วิธีการที่แนะนำคือการนำครีมสเตียรอยด์มาผสมกับครีมบำรุงที่ทำขึ้นเอง แล้วค่อยๆ ลดสัดส่วนของครีมสเตียรอยด์ลงไปเรื่อยๆ

นี่คือประเภทของส่วนผสมที่แนะนำสำหรับใช้ในเบสครีมบำรุง พร้อมคุณสมบัติของแต่ละตัว:

ส่วนผสมที่ช่วยลดการแพ้และเสริมเกราะป้องกันผิว

• Ceramide Complex: เซราไมด์เป็นไขมันสำคัญที่มีอยู่ตามธรรมชาติในเกราะป้องกันผิว การเติมเซราไมด์ช่วยฟื้นฟูการทำงานของเกราะป้องกันผิว ลดอาการผิวแห้ง ระคายเคือง และแพ้ง่าย ทาง Staff แนะนำให้ใส่ในอัตราส่วนอย่างน้อย 10% ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมได้แก่ Skin-Barrier™ (Skin Mimic Ceramides Liposome) ซึ่งแนะนำให้ใช้ที่ 10-15% สำหรับผิวแห้งหรือมีปัญหา ซึ่งสอดคล้องกับคำแนะนำของ Staff นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกอื่นๆ เช่น Cera-Flux V (Water Dispersible Ceramide Complex, 3 Types), Cera-Flux VX (Water Dispersible Ceramide Complex, 5 Types), Ceracare™ Liposome-3 (Liposome Ceramide Complex, 3 Types) และ Ceramide Complex (Water/Oil Dispersible Powder) ซึ่งมีอัตราส่วนการใช้ที่แนะนำแตกต่างกันไป
• Vitamin B12 (Cyanocobalamin 1%): ส่วนผสมนี้มีประสิทธิภาพในการลดการอักเสบ การระคายเคือง และอาการแพ้ของผิว พร้อมทั้งช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทาง Staff แนะนำให้ใช้อย่างน้อย 5% ของความเข้มข้น 1% โปรดทราบว่าส่วนผสมนี้อาจทำให้เนื้อครีมมีสีชมพูอ่อนๆ และไวต่อแสงและค่า pH
• Bisabolol: มีคุณสมบัติช่วยปลอบประโลมและลดการอักเสบ ช่วยลดการระคายเคืองและรอยแดงบนผิว สามารถเลือกใช้ได้ทั้ง Natural Bisabolol (Brazil Chamomile) หรือ Bisabolol (Alpha Bisabolol, Bisabolol RAC) โดยทั้งสองชนิดแนะนำให้ใช้ที่ 1%
• Beta Glucan: ส่วนผสมนี้ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของผิว ลดอาการแพ้ ปกป้องผิวจากการระคายเคือง และเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว ทาง Staff แนะนำ 5-10% Beta Glucan (Saccharomyces cerevisiae extract) แนะนำให้ใช้ที่ 5% สำหรับผิวที่ระคายเคือง/แพ้ง่าย ซึ่งอยู่ในช่วงที่แนะนำ นอกจากนี้ยังมี Beta Glucan ที่สกัดจากข้าวโอ๊ต เช่น Beta Glucan 70% (Oat Extract, Water-Soluble) และ Beta Glucan 90% (Oat Extract, Water-Soluble) แต่มีอัตราส่วนการใช้ที่แนะนำต่ำกว่า (0.1-1%)

ส่วนผสมที่ช่วยเสริมความแข็งแรงและเพิ่มความชุ่มชื้น

• Vitamin B3 (Niacinamide): วิตามินบี 3 ช่วยลดรอยแดง เสริมเกราะป้องกันผิวโดยกระตุ้นการสร้างเซราไมด์ เพิ่มความชุ่มชื้น และช่วยปรับปรุงสภาพผิวให้เรียบเนียนสม่ำเสมอ ทาง Staff แนะนำ 3-5% มีตัวเลือกได้แก่ Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide), Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide, Switzerland) และ Extreme-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide, Highest Purity) ซึ่งทั้งหมดเหมาะสมสำหรับอัตราส่วนการใช้งานนี้
• Vitamin B5 (Panthenol): หรือ Pro-Vitamin B5 เป็นสารให้ความชุ่มชื้นที่ดี ช่วยกักเก็บน้ำ เสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ลดการอักเสบ และช่วยสมานแผล ทาง Staff แนะนำ 3-5% สามารถใช้ได้ทั้ง Panthenol (Vitamin B5, DL-Panthenol, Powder) และ D-Panthenol Care (Pro-Vitamin B5, 100% Liquid) ในอัตราส่วนนี้ แต่หากใช้เกิน 5% อาจทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์เหนอะหนะได้
• Squalane: สารให้ความนุ่มลื่นนี้ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ต่อสู้กับความแห้งกร้าน และเพิ่มความยืดหยุ่น ทาง Staff แนะนำ 5% Squalane (Olive) เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังมีรูปแบบอื่นๆ เช่น Squalane Oil Gel (Thixotropic), Hydrogenated Polycyclopentadiene (Squalane Base), Hemisqualane (C13-15 Alkane) และ Hemisqualane (C13-15 Alkane) Gel ซึ่งมีเนื้อสัมผัสและคุณสมบัติต่างกันไป

เบสครีม

• ใช้ Light Cream Maker™ เป็นเบสสำหรับทำเนื้อครีม ตามที่ Staff แนะนำ

การทำครีมบำรุงที่มีส่วนผสมเหล่านี้และค่อยๆ ลดส่วนผสมของสเตียรอยด์ลง จะช่วยให้ผิวฟื้นตัวและสร้างความแข็งแรงและเกราะป้องกันความชุ่มชื้นตามธรรมชาติกลับคืนมาได้ ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการที่เกิดขึ้นในช่วงหยุดยาได้ การทาครีมบำรุงอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้