คำแนะนำสำหรับครีมกันแดดธรรมชาติ: สารกันเสีย, อายุการเก็บรักษา, และการวัดค่า SPF/PA+++

สวัสดีค่ะ เข้าใจว่าคุณต้องการทำครีมกันแดดทาหน้าสูตรธรรมชาติ และมีส่วนผสมของ Hydrosol ซึ่งจำเป็นต้องใช้สารกันเสียค่ะ

เนื่องจากสูตรของคุณมีส่วนประกอบของ Hydrosol (ส่วนที่เป็นน้ำ) การใส่สารกันเสียจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ และช่วยให้ผลิตภัณฑ์ของคุณปลอดภัยและมีความคงตัว

นี่คือตัวเลือกสารกันเสียจากธรรมชาติบางส่วนที่เหมาะสำหรับใช้ในสูตรที่มีส่วนประกอบของน้ำ เช่น Hydrosol:

• NaturePreserve™ Ultra (Gluconolactone & Sodium Benzoate): เป็นสารกันเสียธรรมชาติ 100% ละลายน้ำได้ และมีประสิทธิภาพในการควบคุมจุลินทรีย์ได้หลากหลายชนิด (Broad-spectrum) เหมาะสำหรับสูตรที่มีค่า pH ระหว่าง 3 ถึง 6
• PaeoniaPreserve™ (Natural Preservative): สารกันเสียธรรมชาติที่สกัดจากราก Paeonia ละลายน้ำได้ สามารถใช้เดี่ยวๆ หรือใช้ร่วมกับสารกันเสียอื่นๆ ได้ ควรเติมในขั้นตอนสุดท้ายของการผสม โดยหลีกเลี่ยงความร้อนสูงกว่า 60°C
• Probio-Protect™ (Lactobacillus Ferment Preservative): เป็นสารกันเสียกลุ่มโปรไบโอติก ละลายน้ำได้ นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ควรเติมโดยหลีกเลี่ยงความร้อนสูง การใช้ส่วนผสมนี้อาจช่วยให้คุณสามารถเคลมได้ว่าสูตรของคุณ "ปราศจากสารกันเสีย" ตามรายการข้อกำหนดบางอย่าง
• Global Guard™ 221 (pH 2-7, Natural): สารกันเสียธรรมชาติแบบ Broad-spectrum ที่ละลายน้ำได้ มีประสิทธิภาพในช่วง pH 2 ถึง 7 ควรเติมเมื่ออุณหภูมิของสูตรต่ำกว่า 45°C
• Coco-Preserve™ (Preservative from Coconut Extract): สารกันเสียที่มีต้นกำเนิดจากธรรมชาติ ละลายน้ำได้ และเป็นแบบ Broad-spectrum ควบคุมได้ทั้งแบคทีเรีย ยีสต์ และรา มีประสิทธิภาพในช่วง pH 4 ถึง 8 และควรเติมเมื่ออุณหภูมิต่ำกว่า 50°C
• NaturePreserve™ LB2: อีกหนึ่งสารกันเสียที่มีต้นกำเนิดจากธรรมชาติ ละลายน้ำได้ และเป็นแบบ Broad-spectrum มีประสิทธิภาพดีในช่วง pH ต่ำ (2.0-6.5) ควรเติมเมื่ออุณหภูมิต่ำกว่า 50°C

ในการเลือกใช้สารกันเสีย ควรพิจารณาค่า pH ของสูตรสำเร็จรูปของคุณ และอัตราส่วนการใช้ที่แนะนำสำหรับสารกันเสียแต่ละชนิดเพื่อให้มั่นใจในประสิทธิภาพ

เกี่ยวกับอายุการเก็บรักษาของครีมกันแดดที่คุณทำเอง:
การเติมสารกันเสียจะช่วยยืดอายุผลิตภัณฑ์ของคุณได้อย่างมาก เมื่อเทียบกับสูตรที่ไม่มีสารกันเสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสูตรที่มีส่วนประกอบของน้ำอย่าง Hydrosol อย่างไรก็ตาม อายุการเก็บรักษาที่แน่นอนอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ:

• ชนิดและความเข้มข้นของสารกันเสียที่ใช้
• ความสะอาดของสภาพแวดล้อมและอุปกรณ์ในการผลิต
• บรรจุภัณฑ์ที่ใช้ (บรรจุภัณฑ์แบบ Airless Pump ดีกว่าแบบกระปุก)
• วิธีการเก็บรักษา (ควรเก็บในที่เย็นและมืด)
• สูตรโดยรวม

เพื่อให้ทราบอายุการเก็บรักษาที่แม่นยำ และเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ของคุณ การทดสอบ Challenge Test โดยห้องปฏิบัติการเป็นสิ่งที่แนะนำอย่างยิ่ง ก่อนนำผลิตภัณฑ์ไปใช้หรือจำหน่ายในวงกว้าง หากไม่มีการทดสอบ Challenge Test อย่างเป็นทางการ อายุการเก็บรักษาโดยประมาณสำหรับผลิตภัณฑ์ทำเองที่มีสารกันเสียและเก็บรักษาอย่างเหมาะสม อาจอยู่ระหว่าง 3 ถึง 6 เดือน แต่นี่เป็นเพียงแนวทางทั่วไปเท่านั้น

เกี่ยวกับการตรวจสอบค่า PA+++ และการป้องกัน UV:
ค่า SPF (Sun Protection Factor) และ PA (Protection Grade of UVA) เป็นค่าที่บ่งบอกระดับการป้องกันรังสี UV จากแสงแดด

• SPF วัดการป้องกันรังสี UVB ซึ่งเป็นสาเหตุของผิวไหม้แดด
• PA วัดการป้องกันรังสี UVA ซึ่งเป็นสาเหตุของริ้วรอยก่อนวัยและความเสียหายต่อผิวในระยะยาว ค่า PA+++ แสดงถึงการป้องกันรังสี UVA ในระดับสูง

Zinc Oxide เป็นสารกันแดดประเภท Physical Sunscreen ที่ให้การป้องกันแบบ Broad-spectrum ทั้งรังสี UVA และ UVB อย่างไรก็ตาม ค่า SPF และ PA ที่แน่นอนของสูตรครีมกันแดดสำเร็จรูปของคุณ ไม่สามารถคำนวณได้ จากส่วนผสมหรือเปอร์เซ็นต์ของส่วนผสมเพียงอย่างเดียว

ในการกำหนดค่า SPF และ PA+++ ที่ถูกต้องของผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดสำเร็จรูปของคุณ จะต้องนำไป ทดสอบในห้องปฏิบัติการ การทดสอบเหล่านี้จะวัดว่าผลิตภัณฑ์สามารถดูดซับหรือสะท้อนรังสี UV ได้ดีเพียงใด ตามวิธีการมาตรฐาน (ทั้งการทดสอบ In-vivo บนอาสาสมัคร หรือ In-vitro โดยใช้อุปกรณ์ในห้องปฏิบัติการ) คุณไม่สามารถคำนวณหรือประมาณค่า SPF หรือ PA ได้จากสูตรของคุณเอง

สรุปคือ แม้ว่าคุณจะสามารถทำครีมกันแดดธรรมชาติโดยใช้ส่วนผสมอย่าง Zinc Oxide เพื่อป้องกัน UV และใช้สารกันเสียธรรมชาติเพื่อยืดอายุการเก็บรักษาได้ แต่การทราบระดับการป้องกัน UV ที่แน่นอน (SPF และ PA+++) และอายุการเก็บรักษาที่แม่นยำนั้น จำเป็นต้องผ่านการทดสอบในห้องปฏิบัติการโดยผู้เชี่ยวชาญค่ะ.