การทำน้ำหอม/บอดี้มิสต์ไร้แอลกอฮอล์: การผสมน้ำมันกับน้ำ, สารช่วยละลาย, สารตรึงกลิ่น และการขึ้นสูตร

ถามโดย: khwonlert เมื่อ: February 04, 2019 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

ต้องการทำน้ำหอมแบบไม่ใส่แอลกอฮอล์ โดยใช้น้ำหอม (หรือ Essential Oil) ผสมกับน้ำ และได้ใช้ Fixative ช่วยให้กลิ่นติดทนนานขึ้นแล้ว

ปัญหาที่พบคือ น้ำกับน้ำมันจะแยกตัวลอยออกจากกัน ลองใช้วิธีกรองกากกาแฟแล้ว แต่น้ำมันไม่ผ่าน ทำให้ Body Mist ไม่ได้บำรุงผิวเท่าที่ควร

จึงอยากได้คำแนะนำในการผสมเพิ่มเติมค่ะ โดยเฉพาะ:

  • วัตถุดิบตัวไหนที่ทำหน้าที่เป็นตัวประสาน (solubilizer) ระหว่างน้ำมันกับน้ำคะ
  • ต้องใช้ปริมาณเท่าไรถึงจะเหมาะสม
  • สารนี้จะทำให้ระคายเคืองผิวหรือไม่ เพราะต้องการนำไปทำ Body Mist
  • อยากทราบว่า Fixative ตัวไหนดีกว่ากันคะ
  • สำหรับสูตรน้ำหอมที่ใช้น้ำหอม 20% (ใช้ Essential Oil) ควรวัดปริมาณกี่ดรอป หรือมีวิธีวัดแบบอื่นที่ดีกว่าไหมคะ

ขอบคุณค่ะ

คำตอบ

ทำความเข้าใจวิธีการผสมน้ำมันกับน้ำในสูตรที่ไม่มีแอลกอฮอล์

ในการสร้างส่วนผสมที่คงตัวระหว่างน้ำมัน (เช่น น้ำหอมหรือน้ำมันหอมระเหย) กับน้ำโดยไม่ใช้แอลกอฮอล์ คุณต้องใช้วัตถุดิบที่เรียกว่า สารช่วยละลาย (Solubilizer) สารช่วยละลายจะช่วยกระจายน้ำมันให้เข้ากับน้ำได้อย่างทั่วถึง ป้องกันการแยกชั้น

ตามความต้องการของคุณ มีสารช่วยละลายหลายชนิดที่สามารถใช้ได้:

  • Flora Solve™ Clear (Fragrance Solubilizer): ตัวนี้ออกแบบมาเพื่อผสมน้ำหอมและน้ำมันหอมระเหยกับน้ำโดยเฉพาะ มีความใส ไม่มีสีและกลิ่น ซึ่งช่วยรักษากลิ่นแท้ของน้ำหอมไว้ได้ โดยทั่วไปใช้อัตราส่วน 2-5 ส่วนของ Flora Solve™ Clear ต่อน้ำหอมหรือน้ำมันหอมระเหย 1 ส่วน
  • Ultra Solve™: เป็นสารช่วยละลายประสิทธิภาพสูงที่สามารถละลายน้ำมันได้หลากหลายชนิด รวมถึงน้ำมันหอมระเหยและน้ำหอม โดยทั่วไปใช้อัตราส่วน 1-10% ของสูตรทั้งหมด
  • Free Solve™ (PEG-Free Solubilizer): หากคุณต้องการตัวเลือกที่ไม่มี PEG, Free Solve™ เป็นทางเลือกที่ดี มีประสิทธิภาพในการละลายน้ำมันในน้ำเช่นกัน และอธิบายว่าเป็นมิตรต่อผิว อัตราการใช้ที่แนะนำคือ 1-10%
  • PPG-6-Decyltetradeceth-30: เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของสารช่วยละลาย โดยทั่วไปใช้ที่ 1-5%

วิธีการใช้สารช่วยละลาย:

วิธีการทั่วไปคือ ให้ผสมน้ำหอมหรือน้ำมันหอมระเหยของคุณเข้ากับสารช่วยละลายที่เลือกไว้ก่อน คนหรือผสมให้เข้ากันดี จากนั้นค่อยๆ เติมส่วนผสมนี้ลงในส่วนของน้ำ พร้อมกับคนอย่างต่อเนื่องจนกว่าทุกอย่างจะกระจายตัวเข้ากันดีและใส

ปริมาณการใช้และการระคายเคือง:

ปริมาณที่แน่นอนของสารช่วยละลายที่ต้องใช้ขึ้นอยู่กับชนิดของสารช่วยละลายที่คุณเลือก รวมถึงปริมาณและชนิดของน้ำมันที่คุณต้องการละลาย วิธีที่ดีที่สุดคือเริ่มต้นด้วยอัตราส่วนหรือเปอร์เซ็นต์การใช้งานที่แนะนำสำหรับผลิตภัณฑ์นั้นๆ และปรับตามความจำเป็นเพื่อให้ได้ความใสและความคงตัว Free Solve™ มีข้อสังเกตว่าเป็นมิตรต่อผิว แต่ก็ยังแนะนำให้ทดสอบกับผิวบริเวณเล็กๆ ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์เต็มรูปแบบ โดยเฉพาะหากคุณมีผิวแพ้ง่าย

สารตรึงกลิ่น (Fixatives):

สารตรึงกลิ่นเป็นส่วนผสมที่ช่วยลดอัตราการระเหยของส่วนประกอบในน้ำหอม ทำให้กลิ่นติดทนนานขึ้น ประสิทธิภาพของสารตรึงกลิ่นอาจขึ้นอยู่กับชนิดของสารหอมที่ใช้ในสูตรของคุณ หากไม่ทราบว่าคุณกำลังเปรียบเทียบสารตรึงกลิ่นชนิดใด ก็ยากที่จะบอกได้ว่าตัวไหน "ดีกว่า"

สูตรน้ำหอม (น้ำมันหอมระเหย 20%):

ความเข้มข้นของน้ำมันหอมระเหย 20% หมายความว่า 20% ของผลิตภัณฑ์สุดท้ายโดยน้ำหนักหรือปริมาตรคือน้ำมันหอมระเหย การนับเป็นหยดไม่ใช่การวัดที่แม่นยำสำหรับการทำสูตร เนื่องจากขนาดหยดอาจแตกต่างกันอย่างมาก วิธีที่ดีที่สุดคือการทำงานกับเปอร์เซ็นต์หรือน้ำหนัก/ปริมาตร หากคุณต้องการความเข้มข้นของน้ำมันหอมระเหย 20% ในปริมาตรที่กำหนด (เช่น 100 มล.) คุณจะต้องใช้น้ำมันหอมระเหย 20 มล. และผสมกับเบส 80 มล. (น้ำ + สารช่วยละลาย) ปริมาณของสารช่วยละลายในเบสจะถูกกำหนดโดยอัตราส่วนที่จำเป็นในการละลายน้ำมันหอมระเหย 20 มล. โดยอิงตามคำแนะนำของสารช่วยละลาย (เช่น สารช่วยละลาย 2-5 ส่วน ต่อน้ำมันหอมระเหย 1 ส่วน สำหรับ Flora Solve™ Clear)

ด้วยการใช้สารช่วยละลายที่เหมาะสมและทำตามวิธีการผสมที่ถูกต้อง คุณควรจะสามารถสร้างบอดี้มิสต์หรือน้ำหอมที่ไม่มีแอลกอฮอล์ซึ่งมีความคงตัวและส่วนของน้ำมันกับน้ำไม่แยกชั้นได้ค่ะ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

PPG-6-Decyltetradeceth-30
PPG-6-Decyltetradeceth-30
เครื่องสำอาง
Ultra Solve™
Ultra Solve™
เครื่องสำอาง
Free Solve™ (PEG-Free Solubilizer)
Free Solve™ (PEG-Free Solubilizer)
เครื่องสำอาง