การทำผงจากน้ำตาลซอร์บิทอลเหลวและผงวิตามินซี

การนำน้ำตาลซอร์บิทอลในรูปแบบของเหลวมาผสมโดยตรงกับผงวิตามินซี (L-ascorbic acid) เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นผงสำหรับชงดื่มหรือรับประทานนั้นเป็นเรื่องที่ท้าทายทางเทคนิค และโดยทั่วไปแล้วไม่สามารถทำได้โดยไม่มีอุปกรณ์พิเศษ

เหตุผลคือ:

• น้ำตาลซอร์บิทอลเหลว: ซอร์บิทอลในรูปแบบของเหลวเป็นของเหลวข้นคล้ายน้ำเชื่อม และมีคุณสมบัติในการดูดความชื้นสูง (hygroscopic) การผสมของเหลวกับผงจะทำให้ส่วนผสมเปียกหรือเหนียว ไม่ได้เป็นผงที่ร่วน
• ความเสถียรของวิตามินซี (L-ascorbic acid): แม้ว่าผงวิตามินซีเองจะแห้ง แต่ L-ascorbic acid จะไม่เสถียรเมื่อละลายในน้ำและไวต่อการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน การผสมกับสารละลายซอร์บิทอลเหลว (ซึ่งมักมีน้ำเป็นส่วนประกอบ) อาจทำให้วิตามินซีเสื่อมสภาพได้เมื่อเวลาผ่านไป

ในการเปลี่ยนของเหลวหรือส่วนผสมของเหลวกับผงให้เป็นผงที่คงตัว โดยทั่วไปจะใช้วิธีการทางอุตสาหกรรม เช่น การทำแห้งแบบพ่นฝอย (spray drying) หรือ การทำแห้งแบบเยือกแข็ง (freeze drying) วิธีการเหล่านี้จะกำจัดความชื้นออกไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ได้ผงที่แห้ง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วไม่สามารถทำได้ในระดับครัวเรือนหรือการผลิตขนาดเล็ก

อีกทางเลือกหนึ่งคือการใช้ สารช่วยพา (carrier powders) เพื่อดูดซับน้ำตาลซอร์บิทอลเหลวและช่วยให้ได้เนื้อสัมผัสคล้ายผง ตัวอย่างของสารช่วยพาที่ใช้ในอาหารได้แก่ มอลโทเดกซ์ทริน หรือน้ำตาลแอลกอฮอล์/แป้งบางชนิด อย่างไรก็ตาม แม้จะใช้สารช่วยพา การทำให้ได้ผงที่แห้งสนิทและไม่จับตัวเป็นก้อนก็ยังทำได้ยาก เนื่องจากคุณสมบัติในการดูดความชื้นของซอร์บิทอล

ส่วนผสมบางอย่างที่อาจทำหน้าที่เป็นสารช่วยพาหรือสารให้ความหวานทางเลือกในรูปแบบผงได้แก่:

• Sodium Starch Octenyl Succinate
• Mannitol
• Trehalose (Powder)
• Erythritol (Powder)
• Isomalt (Powder)

อย่างไรก็ตาม การผสมน้ำตาลซอร์บิทอลเหลวกับผงวิตามินซีและสารช่วยพาเพียงอย่างเดียว ไม่น่าจะทำให้ได้ผงที่คงตัว ไม่ดูดความชื้น และเหมาะสมสำหรับการเก็บรักษาในระยะยาวหรือการบริโภคโดยตรงในรูปแบบผง

สำหรับการทำผลิตภัณฑ์ที่เป็นผงให้มีความคงตัว จะมีประสิทธิภาพมากกว่าหากเริ่มต้นด้วยส่วนผสมทุกอย่างในรูปแบบผง หากมีจำหน่าย หรือใช้วิตามินซีในรูปแบบที่มีความเสถียรสูงและไม่ไวต่อความชื้น