การทำสูตรเซรั่มวิตามินซี (แบบ Skinceuticals): ส่วนผสม, การกันเสีย และการปรับค่า pH
คำถาม
สนใจทำสูตรเซรั่มวิตามินซีที่คล้ายกับ Skinceuticals C E Ferulic ค่ะ มีคำถามเกี่ยวกับส่วนผสมและการทำสูตรดังนี้ค่ะ:
- เคยได้ยินเกี่ยวกับวิตามินซีรูปแบบอื่นๆ เช่น Magnesium Ascorbyl Phosphate, Sodium Ascorbyl Phosphate, Ethyl Ascorbic Acid (3-O-Ethyl-L-ascorbic acid) และ Ascorbyl Glucosamine อยากทราบว่ารูปแบบเหล่านี้มีประสิทธิภาพเป็นอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะเรื่องผิวขาว เมื่อเทียบกับ L-Ascorbic Acid หรือ Tetrahexyldecyl Ascorbate?
- ในสูตรที่ใช้ L-Ascorbic Acid เป็นหลัก (แบบ Skinceuticals C E Ferulic) สามารถเพิ่ม Lemon Peel Bioferment ได้หรือไม่คะ? ถ้าได้ จะส่งผลต่อสูตรอย่างไร โดยเฉพาะค่า pH และต้องปรับเปลี่ยนอะไรบ้าง?
- จำเป็นต้องใส่สารกันเสียในสูตรที่มีค่า pH ต่ำ (ประมาณ 3.5-4) แบบนี้หรือไม่คะ โดยเฉพาะเมื่อมีส่วนผสมอย่าง Hyaluronic Acid อยู่ด้วย?
- Triethanolamine มีบทบาทเฉพาะอย่างไรในสูตรนี้? ช่วยในการปรับค่า pH อย่างไร และค่า pH เป้าหมายควรอยู่ในช่วงใด เมื่อพิจารณาถึงความเสถียรของ L-Ascorbic Acid (15%) และความเข้ากันได้กับส่วนผสมอื่นๆ เช่น Panthenol (Vitamin B5) และ Hyaluronic Acid? โดยทั่วไปแล้ว Glutathione มีอยู่ในสูตรประเภทนี้หรือไม่คะ?
คำตอบ
คำถามเกี่ยวกับการทำสูตร Skinceuticals C E Ferulic
นี่คือคำตอบสำหรับคำถามของคุณเกี่ยวกับการทำสูตรเซรั่มประเภท Skinceuticals C E Ferulic:
การเพิ่ม Lemon Peel Bioferment
ใช่ค่ะ คุณสามารถเพิ่ม Lemon Peel Bioferment ลงในสูตรของคุณได้ ส่วนผสมนี้ทำหน้าที่เป็นสารยับยั้ง Tyrosinase ช่วยให้ผิวแลดูกระจ่างใสขึ้น และยังมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระด้วย อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก Lemon Peel Bioferment มีค่า pH ประมาณ 5-6 การเพิ่มส่วนผสมนี้จะทำให้ค่า pH โดยรวมของสูตรสูงขึ้น เพื่อรักษาระดับ pH ที่เหมาะสมในช่วง 3.5-4 ซึ่งจำเป็นต่อความเสถียรและประสิทธิภาพของ L-Ascorbic Acid คุณจะต้อง ลดปริมาณ Triethanolamine ที่ใช้ในการปรับ pH ลงตามสัดส่วนค่ะ
สารกันเสียใน Skinceuticals C E Ferulic
จำเป็นต้องมีสารกันเสียในสูตรประเภทนี้ค่ะ แม้ว่าค่า pH ที่ต่ำซึ่งจำเป็นต่อความเสถียรของ L-Ascorbic Acid (3.5-4) จะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ได้บ้าง แต่โดยทั่วไปแล้ว ไม่เพียงพอ ที่จะป้องกันการปนเปื้อนได้อย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีส่วนผสมอื่นๆ เช่น Hyaluronic Acid ซึ่งอาจถูกย่อยสลายโดยแบคทีเรียได้หากไม่มีการป้องกันที่เหมาะสม ดังนั้น แนะนำให้เพิ่มสารกันเสียที่เหมาะสมลงในสูตรเพื่อความปลอดภัยและอายุการเก็บรักษาของผลิตภัณฑ์ค่ะ
บทบาทของ Triethanolamine และการปรับ pH
Triethanolamine ถูกใช้ในสูตรเพื่อปรับค่า pH ให้สูงขึ้น L-Ascorbic Acid โดยเฉพาะที่ความเข้มข้น 15% มีความเป็นกรดสูงมาก และจะทำให้ค่า pH ของสารละลายต่ำกว่าช่วงที่ต้องการคือ 3.5-4 อย่างมาก ช่วง pH นี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเสถียรและการดูดซึมที่ดีที่สุดของ L-Ascorbic Acid แม้ว่าส่วนผสมอื่นๆ เช่น Panthenol (Vitamin B5) และ Hyaluronic Acid จะทนต่อช่วง pH ที่กว้างกว่า (Panthenol 3.5-7.0, Hyaluronic Acid 3.0-9.0) แต่ค่า pH ของสูตรหลักๆ แล้วจะถูกปรับเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความเสถียรของสารออกฤทธิ์หลักคือ L-Ascorbic Acid ค่า pH เป้าหมายที่ 3.5-4 เป็นค่าที่สมดุล โดยประมาณ 3.5 เป็นค่าที่เหมาะสมที่สุดสำหรับ L-Ascorbic Acid แต่การปรับให้อยู่ที่ประมาณ 3.8 เช่นเดียวกับในสูตร Skinceuticals ต้นฉบับ ก็เป็นค่าที่ยอมรับได้และยังคงมีประสิทธิภาพสำหรับ Vitamin C ในขณะที่ส่วนผสมอื่นก็สามารถทนได้ค่ะ สำหรับที่คุณกล่าวถึง Glutathione โดยทั่วไปแล้วจะไม่ได้รวมอยู่ในสูตร Skinceuticals C E Ferulic มาตรฐานค่ะ
สรุปคือ Triethanolamine มีความจำเป็นเพื่อปรับค่า pH ของสารละลาย L-Ascorbic Acid ที่เป็นกรดสูง ให้ขึ้นมาอยู่ในช่วงแคบๆ ที่จำเป็นต่อความเสถียรและประสิทธิภาพของมัน พร้อมทั้งรักษาสมดุลกับส่วนผสมที่เป็นประโยชน์อื่นๆ ในสูตรค่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin C E Ferulic

Hyaluronic Acid (Standard Molecule)

Hyaluronic Acid (Small Molecule)

Panthenol (Vitamin B5, DL-Panthenol, Powder)

Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)

Vitamin C (L-ascorbic acid) (Fine)

Triethanolamine 99%

Lemon Peel Bioferment (Lemon Skin™)

Vitamin C (L-ascorbic acid) (Standard)

Hyaluronic Acid (Large Molecule)
