การทำสูตรเซรั่ม: การผสม Pro Polymer, การใช้ส่วนผสม, และความเข้ากันได้ในสูตรน้ำตบ
คำถาม
ผมกำลังทำเซรั่มใช้เองและพบปัญหาเกี่ยวกับสารสร้างเนื้อเจล Pro Polymer™ ที่ละลายยากและเป็นวุ้น ทั้งๆ ที่พยายามผสมแล้ว ก่อนหน้านี้ได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับลำดับการผสมมา แต่ก็สับสนเนื่องจากทางทีมงานแจ้งว่าสามารถผสมรวมกันได้ทั้งหมดในขั้นตอนเดียวเลย
ตอนนี้ผมคิดว่าจะตัด Natural Moisturizing Amino Acids 5%
และ Double Hyaluron Liquid 10%
ออกจากสูตรเซรั่ม เนื่องจากเกรงว่าถ้ามีน้ำในสูตรเซรั่มไม่พอ Hya จะมาดูดน้ำออกจากหน้าเราแทน (เพราะเคยอ่านกระทู้สูตรบำรุงผิวที่ใช้ Hya 1% ในน้ำ 99%
) ผมเลยว่าจะนำสารสองตัวที่ตัดไปทำในสูตรน้ำตบหน้าแทนครับ
อยากสอบถามเพิ่มเติมว่า:
- ทำไมทางทีมงานถึงแจ้งว่าผสมรวมกันขั้นตอนเดียวได้หมด ทั้งที่ขัดแย้งกับปัญหาที่พบกับ Pro Polymer™?
- ความกังวลเรื่อง Hya จะดูดน้ำออกจากผิวหากตัดสารให้ความชุ่มชื้นอื่นๆ ออกไปนั้นถูกต้องหรือไม่?
- สามารถนำ
Natural Moisturizing Amino Acids
และDouble Hyaluron Liquid
ผสมร่วมกันในสูตรน้ำตบได้หรือไม่? Natural Moisturizing Amino Acids
จะมีผลต่อความหนืดของDouble Hyaluron Liquid
ในสูตรน้ำตบหรือไม่?
นอกจากนี้ จากการพูดคุยก่อนหน้านี้:
- ฟองอากาศที่เกิดขึ้นจากการกวนมีผลต่อคุณภาพหรือประสิทธิภาพของสารบำรุงหรือไม่?
- ขวดพลาสติกสีชาที่บริษัทจำหน่ายเหมาะสำหรับสารที่ไวต่อแสงหรือไม่?
- มีสารสร้างเนื้อเจลตัวอื่นที่ละลายง่ายกว่า Pro Polymer™ หรือไม่?
- มีเครื่องมือช่วยผสมขนาดเล็กแบบมือถืออื่นๆ นอกเหนือจากเครื่องตีฟองนมหรือไม่?
คำตอบ
สวัสดีครับ เข้าใจว่าคุณลูกค้ากำลังทำเซรั่มใช้เองและมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการผสมและส่วนผสมต่างๆ นะครับ จากการพูดคุยกับคุณ chalermlap และทีมงาน สามารถสรุปและให้คำแนะนำเพิ่มเติมได้ดังนี้ครับ
เรื่องลำดับการผสมและการละลาย Pro Polymer™ (Gel Maker):
- ที่คุณ chalermlap อธิบายนั้นถูกต้องแล้วครับ ปัญหาที่คุณพบว่า Pro Polymer™ ละลายยากและเป็นวุ้นเกิดจากลำดับการใส่สารครับ Pro Polymer™ เป็นสารสร้างเนื้อเจลที่ต้องการน้ำในปริมาณที่เพียงพอเพื่อให้ออสโมซิสเข้าไปในโครงสร้างของพอลิเมอร์และพองตัวขึ้นเป็นเจล หากใส่มันลงไปในขั้นตอนท้ายๆ ที่น้ำส่วนใหญ่ถูกใช้ไปกับการละลายสารอื่นๆ แล้ว จะทำให้ Pro Polymer™ เข้าถึงน้ำได้ยากและละลายไม่สมบูรณ์ครับ
- คำแนะนำของ Staff ที่ว่า "สามารถผสมร่วมกันได้ทั้งหมดในขั้นตอนเดียวเลยคะ" นั้นอาจเป็นคำแนะนำทั่วไปสำหรับสูตรที่ไม่ซับซ้อน หรือใช้สารสร้างเนื้อเจลประเภทอื่นที่ละลายง่ายกว่านี้ แต่สำหรับ Pro Polymer™ ซึ่งเป็น Acrylate Crosspolymer จำเป็นต้องมีขั้นตอนการเตรียมเจลเบสแยกต่างหากในน้ำปริมาณที่เหมาะสมก่อนครับ
- ดังนั้น วิธีการผสมตามที่คุณ chalermlap แนะนำ (เตรียมเจลเบสจากน้ำส่วนหนึ่งกับ Pro Polymer™ ก่อน แล้วค่อยๆ เติมสารอื่นๆ ลงไป) เป็นวิธีที่ถูกต้องและเหมาะสมสำหรับสารสร้างเนื้อเจลตัวนี้ครับ
- สำหรับ Repair Activator™ (ID 259) ตามขั้นตอนของคุณ chalermlap ควรเติมลงไปพร้อมกับสารบำรุงอื่นๆ (เช่น B3, GlucoBright, Amino Acids, Hya) หลังจากที่เตรียมเจลเบสเรียบร้อยแล้วครับ
เรื่องการตัด Natural Moisturizing Amino Acids และ Double Hyaluron Liquid ออกจากสูตรเซรั่ม:
- Natural Moisturizing Amino Acids (ID 214) และ Double Hyaluron Liquid (ID 404) เป็นสารให้ความชุ่มชื้นที่ดีและช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว ซึ่งตรงกับความต้องการของคุณที่อยากให้ผิวแข็งแรงขึ้นและมีความชุ่มชื้น การตัดสองตัวนี้ออกจากสูตรเซรั่มจะทำให้เซรั่มของคุณให้ความชุ่มชื้นและช่วยเรื่องผิวแข็งแรงได้น้อยลงครับ
- เรื่องความกังวลว่า Hya จะดูดน้ำออกจากผิวหากน้ำในสูตรไม่พอ เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเล็กน้อยครับ Hyaluron จะดึงน้ำจากสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูงกว่าไปยังบริเวณที่มีความชื้นต่ำกว่า ในสภาพอากาศแห้งมาก Hya อาจดึงน้ำจากชั้นผิวที่ลึกกว่าขึ้นมาได้บ้าง แต่โดยทั่วไปแล้ว Hya ในสูตรบำรุงผิวจะช่วยดึงน้ำจากอากาศหรือน้ำในสูตรเข้าสู่ผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้นขึ้นครับ การมี Hya และ Amino Acids ในสูตรเซรั่มตามที่คุณทำไว้เดิม (หรือปรับปรุงตามคำแนะนำของคุณ chalermlap) จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและลดความเสี่ยงที่ผิวจะขาดน้ำได้ดีกว่าครับ
- คุณสามารถนำ Natural Moisturizing Amino Acids และ Double Hyaluron Liquid ไปทำเป็นสูตรน้ำตบได้ครับ สารสองตัวนี้เข้ากันได้ดี และ Natural Moisturizing Amino Acids (ID 214) มีผลต่อความหนืดของเจล (ทำให้เจลอ่อนตัวลง) ตามที่คุณ chalermlap ได้กล่าวไว้ครับ แต่ในสูตรน้ำตบที่เน้นความเหลวเป็นน้ำ ผลกระทบต่อความหนืดอาจไม่ชัดเจนเท่าในสูตรเจลครับ
เรื่องฟองอากาศ:
- ตามที่คุณ chalermlap ได้ยืนยัน ฟองอากาศที่เกิดขึ้นจากการกวน ไม่มีผลต่อคุณภาพหรือประสิทธิภาพของสารบำรุง ครับ ฟองอากาศเป็นเพียงปัญหาด้านความสวยงามเท่านั้น และจะค่อยๆ หายไปเองเมื่อตั้งทิ้งไว้ เพียงแต่อาจใช้เวลานานในเนื้อเจลที่มีความหนืดครับ
เรื่องขวดสีชา:
- ขวดพลาสติกสีชาที่ทางบริษัทจำหน่าย สามารถช่วยป้องกันแสงได้เช่นเดียวกับขวดแก้วสีชา ครับ เหมาะสำหรับบรรจุสารที่ไวต่อแสง เช่น Stabilized Vitamin C (Natural-C Glycol™) (ID 486) เพื่อช่วยรักษาคุณภาพของสารครับ
เรื่องสารสร้างเนื้อเจลทางเลือกและเครื่องมือช่วยผสม:
- สารสร้างเนื้อเจลที่ละลายง่ายกว่า Pro Polymer™: มีหลายตัวครับ เช่น กลุ่ม Carbomer ที่มาในรูปของเหลวที่กระจายตัวไว้แล้ว (Pre-neutralized liquid polymers) หรือกลุ่ม Gums บางชนิด เช่น Xanthan Gum หรือ Sclerotium Gum ซึ่งบางตัวอาจละลายในน้ำเย็นได้ง่ายกว่า แต่ก็อาจมีข้อจำกัดเรื่องเนื้อสัมผัสหรือความเข้ากันได้กับสารบางชนิด ควรศึกษาข้อมูลของสารแต่ละตัวก่อนเลือกใช้ครับ
- เครื่องมือช่วยผสมขนาดเล็ก: เครื่องตีฟองนมที่คุณใช้ก็เป็นตัวอย่างที่ดีของเครื่องปั่นขนาดเล็กแบบมือถือครับ คุณสามารถหาซื้อเครื่องปั่นขนาดเล็กแบบมือถืออื่นๆ ที่ออกแบบมาสำหรับผสมของเหลวปริมาณน้อยได้ตามร้านขายอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ขนาดเล็ก ร้านขายอุปกรณ์เบเกอรี่ หรือร้านค้าออนไลน์ทั่วไป (เช่น Shopee, Lazada) โดยมองหาเครื่องที่มีหัวปั่นขนาดเล็กที่สามารถจุ่มลงในภาชนะผสมของคุณได้ครับ
สรุปคือ สูตรที่คุณปรับปรุงโดยรวมมีสารบำรุงที่ดีครับ ปัญหาหลักที่คุณพบคือเรื่องเทคนิคการผสม Pro Polymer™ ซึ่งคุณ chalermlap ได้ให้คำแนะนำที่ถูกต้องแล้ว การปรับลำดับการผสมตามนั้นจะช่วยให้ได้เนื้อเจลที่เนียนขึ้น ส่วนฟองอากาศและขวดสีชาไม่มีปัญหาต่อคุณภาพผลิตภัณฑ์ครับ หากต้องการความง่ายในการผสมในอนาคต อาจพิจารณาสารสร้างเนื้อเจลประเภทอื่นที่ละลายง่ายกว่า Pro Polymer™ ครับ
หวังว่าคำอธิบายนี้จะเป็นประโยชน์นะครับ หากมีคำถามเพิ่มเติม ถามได้เลยครับ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)

GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)

Phenoxyethanol (Extra Pure)

Natural Moisturizing Amino Acids (e.q. Prodew 400)

Pro Polymer™ (Gel Maker)

Double Hyaluron Liquid
