การทำโทนเนอร์ด้วย DMAE, Niacinamide และสารกันเสีย
ถามโดย: jarinrat
เมื่อ: October 08, 2016
ประเภทผลิตภัณฑ์:
เครื่องสำอาง
คำถาม
ตั้งใจจะทำโทนเนอร์ค่ะ ใช้ น้ำกลั่น, DMAE (SkinTight MD™) Liquid, Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide), และ Nature Preserve
- ควรใช้ปริมาณเท่าไรสำหรับแต่ละส่วนผสม?
- ควรเพิ่มอะไรอีกไหม?
- ผสมเลยโดยไม่ทดสอบ pH ได้ไหมคะ?
คำตอบ
คำแนะนำสำหรับการทำโทนเนอร์
นี่คืออัตราส่วนการใช้ที่แนะนำและข้อควรพิจารณาที่สำคัญสำหรับการทำโทนเนอร์ของคุณค่ะ
- น้ำกลั่น: ใช้เป็นส่วนประกอบหลัก คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ที่เหลือทั้งหมดของสูตร (เช่น หากส่วนผสมอื่นรวมกัน 10% ใช้น้ำกลั่น 90%)
- DMAE (SkinTight MD™) Liquid:
- อัตราส่วนการใช้ที่แนะนำคือ 1-10% รายละเอียดผลิตภัณฑ์แนะนำ 3% สำหรับผู้เริ่มต้น และระบุว่าการใช้เกิน 5% อาจทำให้ระคายเคืองหรือเหนอะหนะได้ สูตรโทนเนอร์ตัวอย่างที่ให้มาแนะนำ 5-10% คุณอาจเริ่มต้นที่ระดับต่ำกว่า เช่น 3-5% โดยเฉพาะหากคุณมีผิวแพ้ง่าย
- ผสมในขั้นตอนสุดท้าย เมื่ออุณหภูมิของส่วนผสมต่ำกว่า 40°C
- Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide):
- อัตราส่วนการใช้ที่แนะนำคือ 1-10% รายละเอียดผลิตภัณฑ์แนะนำ 5% และระบุว่า Safe-B3™ ชนิดนี้สามารถใช้ได้ถึง 10% โดยไม่ก่อให้เกิดอาการแดงหรือระคายเคือง
- ผสมในส่วนของน้ำ ทนความร้อนได้ดี แต่ควรหลีกเลี่ยงการให้ความร้อนเป็นเวลานาน
- ทำงานได้ดีที่สุดในช่วง pH 4.0-7.0 (ช่วงที่ยอมรับได้คือ 3-8)
- Nature Preserve: คุณกล่าวถึง "Nature Preserve" ซึ่งมีหลายตัวเลือก:
- NaturePreserve™ Ultra (Gluconolactone & Sodium Benzoate): อัตราส่วนการใช้ที่แนะนำคือ 0.75-2.0% (แนะนำ 1.25%) ทำงานได้ดีในช่วง pH 3-6 ห้ามใช้ร่วมกับ L-Ascorbic Acid (วิตามินซี)
- NaturePreserve™ LB2 (Dehydroacetic Acid, Benzoic Acid, Benzyl Alcohol, Water): อัตราส่วนการใช้ที่แนะนำคือ 0.5-1.0% ทำงานได้ดีในช่วง pH 2.0-6.5 หลีกเลี่ยงความร้อนเกิน 50°C
เลือก Nature Preserve ตัวใดตัวหนึ่งตามช่วง pH ที่ต้องการและความเข้ากันได้ของส่วนผสม
ควรเพิ่มส่วนผสมอื่นอีกหรือไม่?
สูตรของคุณมีส่วนประกอบหลักที่ดีพร้อมสารออกฤทธิ์ (DMAE, Niacinamide) และสารกันเสีย ทั้งนี้ คุณอาจพิจารณาเพิ่มส่วนผสมอื่นได้ ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของคุณ:
- สารให้ความชุ่มชื้น (Humectants): ส่วนผสมอย่าง Glycerin หรือ Propanediol สามารถช่วยดึงน้ำเข้าสู่ผิวได้ ช่วยเสริมคุณสมบัติในการให้ความชุ่มชื้นของโทนเนอร์
- สารลดการระคายเคือง: รายละเอียดของ DMAE แนะนำให้เพิ่มส่วนผสมที่ช่วยลดการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะหากใช้ความเข้มข้นสูงหรือหากคุณมีผิวแพ้ง่าย
- วิตามินบี 5: รายละเอียดของ DMAE กล่าวถึงประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับวิตามินบี 5
ผสมเลยโดยไม่ทดสอบ pH ได้ไหมคะ?
ไม่ได้ค่ะ คุณต้องทดสอบและปรับค่า pH อย่างแน่นอน
- ส่วนผสมออกฤทธิ์และสารกันเสียแต่ละตัวมีช่วง pH ที่เฉพาะเจาะจงซึ่งทำงานได้ดีที่สุดและมีความเสถียร หรือมีโอกาสน้อยที่จะก่อให้เกิดการระคายเคือง
- Nature Preserve Ultra ต้องการ pH 3-6
- Nature Preserve LB2 ต้องการ pH 2.0-6.5
- Safe B3 ทำงานได้ดีที่สุดที่ pH 4.0-7.0
- DMAE อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ และ pH มีผลต่อการทนของผิว
- การผสมส่วนผสมเหล่านี้จะทำให้ได้ค่า pH สุดท้ายที่ต้องตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่าอยู่ในช่วงที่มีประสิทธิภาพสำหรับส่วนผสมทั้งหมดและเหมาะสมสำหรับผิว (โดยทั่วไปโทนเนอร์จะมี pH อยู่ระหว่าง 4.5 ถึง 5.5)
- คุณอาจต้องใช้สารปรับ pH (เช่น สารละลาย Citric Acid หรือ Sodium Hydroxide) เพื่อปรับส่วนผสมสุดท้ายให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสม
ควรทดสอบค่า pH ของผลิตภัณฑ์สุดท้ายของคุณเสมอและปรับตามความจำเป็น
สรุปคำแนะนำ:
- กำหนดเปอร์เซ็นต์รวมของส่วนผสมออกฤทธิ์และสารกันเสียตามอัตราส่วนที่แนะนำ
- ใช้น้ำกลั่นสำหรับเปอร์เซ็นต์ที่เหลือ
- ผสม Safe B3 และ Nature Preserve ที่คุณเลือกในส่วนของน้ำกลั่น
- เติม DMAE ในขั้นตอนสุดท้ายเมื่อส่วนผสมมีอุณหภูมิต่ำกว่า 40°C
- สิ่งสำคัญที่สุดคือ ให้ทดสอบค่า pH ของโทนเนอร์ที่ได้ ปรับค่า pH ให้อยู่ในช่วงที่มีประสิทธิภาพของสารกันเสียที่คุณเลือกและเหมาะสมสำหรับผิว (โดยทั่วไปควรอยู่ที่ 4.5-5.5)
- พิจารณาเพิ่มสารให้ความชุ่มชื้นหรือสารลดการระคายเคืองหากต้องการ
- หากคุณวางแผนที่จะจำหน่ายผลิตภัณฑ์นี้ จำเป็นต้องทำการทดสอบ Challenge Test เพื่อยืนยันประสิทธิภาพของสารกันเสียในสูตรเฉพาะของคุณ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
เครื่องสำอาง

DMAE (SkinTight MD™) Liquid
เครื่องสำอาง

NaturePreserve™ LB2
เครื่องสำอาง