การประเมินและปรับปรุงสูตรครีม

ถามโดย: ittiporn.km เมื่อ: July 22, 2021 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

สูตรครีมนี้สามารถทำได้ไหมคะ มีอะไรที่ต้องเพิ่มเติมรึเปล่า สูตรมีดังนี้: Water, Fractionated Coconut Oil 5%, 1,2-Hexanediol 3%, Avena Sativa (Oat) Meal Extract 3%, Rice Vitamin 2%, NAT-RIBOSE™ 1.5%, Aristoflex AVC 1-2%, Ethylhexylglycerin 1%.

คำตอบ

สูตรครีมที่คุณให้มาเป็นพื้นฐานที่ดีค่ะ มีส่วนประกอบที่มีประโยชน์หลายอย่าง อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้เนื้อครีมที่คงตัว ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสำหรับการใช้งานในระยะยาว อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมส่วนประกอบบางอย่างค่ะ

สูตรของคุณประกอบด้วย:

  • น้ำ (Water)
  • Fractionated Coconut Oil (5%) - ทำหน้าที่เป็นน้ำมันบำรุงผิว
  • 1,2-Hexanediol (3%) - ทำหน้าที่เป็นสารให้ความชุ่มชื้น ตัวทำละลาย และสารเสริมประสิทธิภาพสารกันเสีย
  • Avena Sativa (Oat) Extract (Oil Soluble) (3%) - สารสกัดจากข้าวโอ๊ตชนิดละลายในน้ำมัน ช่วยปลอบประโลมและบำรุงผิว
  • Rice Vitamin (น่าจะเป็น Inositol) (2%) - อิโนซิทอล ซึ่งเป็นวิตามินบี 8 มีคุณสมบัติช่วยให้ความชุ่มชื้น
  • NAT-RIBOSE™ (1.5%) - ดี-ไรโบส ส่วนผสมออกฤทธิ์ที่ช่วยเสริมพลังงานให้เซลล์ผิว
  • Aristoflex AVC (1-2%) - สารขึ้นเนื้อเจลและช่วยให้ความคงตัว สามารถช่วยประสานน้ำมันได้ในระดับหนึ่ง
  • Ethylhexylglycerin (1%) - สารเสริมประสิทธิภาพสารกันเสียที่ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง และช่วยให้ความชุ่มชื้น

สิ่งที่ควรพิจารณาเพิ่มเติมเพื่อปรับปรุงสูตร:

  1. ระบบอิมัลซิไฟเออร์ (Emulsification System): แม้ว่า Aristoflex AVC จะช่วยในการขึ้นเนื้อเจลและให้ความคงตัวของสูตรได้ และสามารถช่วยประสานน้ำมันได้ถึง 15-20% แต่สำหรับการทำเนื้อครีมที่มีส่วนของน้ำมัน 5% การเพิ่ม อิมัลซิไฟเออร์หลัก (Primary Emulsifier) เข้าไปด้วยจะช่วยให้เนื้อครีมมีความคงตัวและไม่แยกชั้นได้ดียิ่งขึ้นในระยะยาว ควรเลือกอิมัลซิไฟเออร์ที่เข้ากันได้กับ Aristoflex AVC
  2. ระบบสารกันเสีย (Preservation System): สูตรมี 1,2-Hexanediol และ Ethylhexylglycerin ซึ่งทั้งสองตัวมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งเชื้อและเป็นสารเสริมประสิทธิภาพสารกันเสีย แต่โดยทั่วไปแล้วไม่เพียงพอที่จะป้องกันการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ได้อย่างครอบคลุม (ทั้งแบคทีเรีย ยีสต์ และรา) ในผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของน้ำตลอดอายุการใช้งาน ดังนั้น การเพิ่ม ระบบสารกันเสียแบบ Broad-spectrum ที่มีประสิทธิภาพและเข้ากันได้กับสูตรเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์
  3. การปรับค่า pH: หลังจากผสมส่วนประกอบทั้งหมดแล้ว ควรวัดและปรับค่า pH สุดท้ายของครีมให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมกับผิว (โดยทั่วไปคือ 4.5-6.5) ความคงตัวของสารออกฤทธิ์ (เช่น NAT-RIBOSE™) และประสิทธิภาพสูงสุดของระบบสารกันเสียที่เลือกใช้
  4. สารคีเลต (Chelating Agent) (เลือกใช้ได้): การเติมสารคีเลตในปริมาณเล็กน้อย (เช่น Disodium EDTA) สามารถช่วยเพิ่มความคงตัวของสูตรได้ โดยจะจับกับไอออนของโลหะที่อาจปนเปื้อนมาในน้ำหรือส่วนประกอบต่างๆ ซึ่งอาจทำให้สูตรเปลี่ยนสีหรือลดประสิทธิภาพของสารกันเสียและสารต้านอนุมูลอิสระได้

สรุป:

สูตรที่คุณให้มาสามารถนำไปพัฒนาต่อได้ แต่จำเป็นต้องมีการเพิ่มอิมัลซิไฟเออร์หลักและระบบสารกันเสียแบบครอบคลุม เพื่อให้ได้เนื้อครีมที่คงตัว ปลอดภัย และมีคุณภาพตามมาตรฐาน การปรับค่า pH และการพิจารณาใช้สารคีเลตก็เป็นแนวทางปฏิบัติที่ดีในการพัฒนาสูตรเครื่องสำอางค่ะ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Fractionated Coconut Oil
Fractionated Coconut Oil
เครื่องสำอาง
Rice Vitamin (Inositol, Vitamin B8)
Rice Vitamin (Inositol, Vitamin B8)
เครื่องสำอาง
Ethylhexylglycerin
Ethylhexylglycerin
เครื่องสำอาง
NAT-RIBOSE™
NAT-RIBOSE™
เครื่องสำอาง
1,2-Hexanediol (Super-Purified, Odorless)
1,2-Hexanediol (Super-Purified, Odorless)
เครื่องสำอาง
Aristoflex AVC
Aristoflex AVC
เครื่องสำอาง