การปรับปรุงสูตร Vitamin C E Ferulic เพื่อสร้างแบรนด์

สูตร Vitamin C E Ferulic ที่เป็นที่รู้จักนั้นมีลิขสิทธิ์ ไม่สามารถนำไปผลิตซ้ำเพื่อจำหน่ายในแบรนด์ของตัวเองได้โดยตรง หากต้องการสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน โดยใช้ส่วนประกอบหลักอย่างวิตามินซี วิตามินอี และ Ferulic Acid โดยไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ที่มีอยู่ จำเป็นต้องมีการปรับปรุงสูตรอย่างมีนัยสำคัญ

แนวทางการปรับปรุงอาจรวมถึง:

• การเปลี่ยนชนิดของวิตามินซี: แทนที่จะใช้รูปแบบหรือความเข้มข้นเฉพาะตามสูตรเดิม คุณสามารถพิจารณาวิตามินซีรูปแบบอื่นๆ ที่มีประสิทธิภาพ เช่น Ethyl Ascorbic Acid, Ascorbyl Glucoside, Ascorbyl Tetraisopalmitate หรือ Sodium Ascorbyl Phosphate ซึ่งแต่ละชนิดมีคุณสมบัติเรื่องความเสถียร การละลาย และการซึมสู่ผิวที่แตกต่างกัน
• การปรับสัดส่วนความเข้มข้นของส่วนประกอบ: เปลี่ยนแปลงเปอร์เซ็นต์ของวิตามินซี วิตามินอี (เช่น dl-alpha tocopherol) และ Ferulic Acid
• การปรับเปลี่ยนส่วนประกอบในเบสของสูตร: เปลี่ยนตัวทำละลาย สารอิมัลซิไฟเออร์ สารเพิ่มความคงตัว และส่วนประกอบอื่นๆ ที่ใช้ในสูตร
• การเพิ่มสารออกฤทธิ์อื่นๆ ที่มีประโยชน์: ใส่สารออกฤทธิ์เพิ่มเติมที่ช่วยเสริมการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระหลัก

สิ่งสำคัญคือสูตรใหม่ที่ได้ต้องมีความแตกต่างอย่างชัดเจนจากสูตรที่มีลิขสิทธิ์ การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยอาจไม่เพียงพอ ควรสร้างสูตรใหม่ที่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาสูตรเครื่องสำอางเป็นสิ่งที่แนะนำอย่างยิ่ง เพื่อให้มั่นใจว่าสูตรมีความเสถียร มีประสิทธิภาพ และไม่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

สำหรับคำถามที่สองเกี่ยวกับการทาวิตามิน E ชนิด dl-alpha tocopherol บนผิวหน้าโดยตรงนั้น แม้จะทำได้ในทางเทคนิค แต่โดยทั่วไปไม่แนะนำ วิตามินอีชนิดนี้มีความหนืดและเหนียวมาก ทำให้ซึมเข้าสู่ผิวได้ยากและไม่ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่เท่าที่ควร อีกทั้งอาจรู้สึกไม่สบายผิว ควรนำไปผสมในสูตรเครื่องสำอางในสัดส่วนที่เหมาะสมเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดและเนื้อสัมผัสที่เหมาะสมกับการใช้งานบนผิว