การปรับปรุงเนื้อสัมผัส ความชุ่มชื้น และความเสถียรของเซรั่ม/มอยส์เจอร์ไรเซอร์สำหรับผิวมัน
คำถาม
กำลังพัฒนาสูตรเซรั่ม/มอยส์เจอร์ไรเซอร์สำหรับผิวมัน โดยมีสารออกฤทธิ์กลุ่มผิวกระจ่างใสอยู่แล้ว (Safe-B3, GlucoBright, Activated Resorcinol S, MSH White Absorb, Willow Bark Extract, Bisabolol, Cyclomethicone, Reservoir-Tech)
ก่อนหน้านี้ได้ลองใช้ Satin Cream Maker
ที่ 2% เพื่อปรับเนื้อสัมผัส แต่สูตรยังคงแยกชั้นและเนื้อไม่ข้นพอ อีกทั้งเนื้อสัมผัสยังรู้สึกแห้งตึงหลังทาแล้วแห้งไป
มีคำถามดังนี้ค่ะ:
- สามารถเติม
Squalane
ลงในสูตรเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและปรับปรุงความรู้สึกบนผิวหลังทาได้หรือไม่คะ แล้วจะยังคงผลลัพธ์เรื่องความกระจ่างใสได้อยู่ไหม? - จะปรับปรุงเนื้อสัมผัสของสูตรอย่างไรเพื่อป้องกันการแยกชั้น เพิ่มความข้น และลดความรู้สึกแห้งตึงหลังทาคะ ควรใช้ Emulsifier/Thickener ตัวไหน และในอัตราส่วนเท่าใดจึงจะเหมาะสมกับสูตรลักษณะนี้สำหรับผิวมันคะ?
คำตอบ
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณสำหรับคำถามเพิ่มเติม และการแบ่งปันความคืบหน้าในการพัฒนาสูตรนะคะ ทีมงานยินดีให้คำแนะนำเพิ่มเติมค่ะ
สำหรับคำถามของท่านสมาชิก:
การเติม Squalane เพื่อความชุ่มชื้นและการคงผลลัพธ์เรื่องผิวกระจ่างใส: จากสภาพผิวของท่านสมาชิก (ผิวมัน) การเติม Squalane ไม่แนะนำค่ะ เนื่องจาก Squalane เป็นน้ำมัน ซึ่งอาจเพิ่มความมันให้กับผิวได้ ซึ่งไม่เหมาะกับผิวมันค่ะ หากต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นและปรับปรุงความรู้สึกบนผิวโดยไม่เพิ่มความมัน ทีมงานแนะนำให้ใช้สารให้ความชุ่มชื้นที่ละลายน้ำได้ค่ะ ตามที่เคยแนะนำไป MOIST24 (Glycereth-26) ในอัตรา 5% เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมค่ะ จะช่วยเรื่องความชุ่มชื้นและทำให้ผิวรู้สึกดีขึ้นหลังเซรั่มซึมเข้าผิวจนแห้ง โดยไม่ทำให้ผิวมันขึ้นค่ะ ส่วนผสมกลุ่ม Whitening ในสูตรปัจจุบันของท่านสมาชิก (Safe-B3, GlucoBright, Activated Resorcinol S, MSH White Absorb, Willow Bark Extract) มีประสิทธิภาพดีอยู่แล้ว และควรคงไว้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์เรื่องความกระจ่างใสตามที่ต้องการค่ะ
การพัฒนาเนื้อสัมผัส (การแยกชั้น, ความข้น, ความรู้สึกบนผิว) และการใช้ Emulsifier/Thickener:
- ท่านสมาชิกเข้าใจถูกต้องค่ะว่าการเพิ่ม Satin Cream Maker เป็น 2% อาจช่วยให้เนื้อข้นขึ้นและประสานน้ำมันได้บ้าง แต่ตามที่ท่านสังเกต อาจยังไม่เพียงพอที่จะป้องกันการแยกชั้นได้อย่างสมบูรณ์และได้ความหนืดข้นตามที่ต้องการค่ะ
- เพื่อแก้ปัญหาการแยกชั้นและพัฒนาเนื้อสัมผัสให้ดีขึ้น (ข้นขึ้นแต่ยังซึมเร็ว) ทีมงานเคยแนะนำให้เปลี่ยน Emulsifier จาก Satin Cream Maker โดยสิ้นเชิงค่ะ แนวทางที่แนะนำคือการใช้ Butter Cream Maker ในอัตรา 3% ร่วมกับ AnyGel (Dehydroxanthan Gum) ในอัตรา 0.5-1% (ปรับตามความหนืดที่ต้องการ) ค่ะ การผสมผสานนี้มีประสิทธิภาพสูงกว่าในการประสานน้ำมันในสูตรและเพิ่มความหนืดข้นค่ะ วิธีนี้จำเป็นต้องใช้ความร้อนในการผสมค่ะ
- สำหรับคำถามเกี่ยวกับการใช้ Gel Maker/thickener: AnyGel เป็นสารเพิ่มความหนืดที่ทำงานได้ดี ร่วมกับ Emulsifier เช่น Butter Cream Maker ในสูตรที่มีทั้งส่วนน้ำและส่วนน้ำมันค่ะ Emulsifier ทำหน้าที่ประสาน (ป้องกันการแยกชั้น) และ Thickener ทำหน้าที่เพิ่มความหนืดค่ะ
- เพื่อปรับปรุงความรู้สึกแห้งตึงหรือไม่สมูทหลังเซรั่มซึมเข้าผิว การเติมสารให้ความชุ่มชื้นอย่าง MOIST24 ในอัตรา 5% เป็นแนวทางที่แนะนำสำหรับผิวมันค่ะ ดังที่กล่าวในข้อ 1 จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและรู้สึกสมูทขึ้นโดยไม่เพิ่มความมันค่ะ
สรุป เพื่อพัฒนาเนื้อสัมผัสของสูตร (ป้องกันการแยกชั้น, เพิ่มความข้น, ปรับปรุงความรู้สึกบนผิว) ให้ยังคงเหมาะกับผิวมัน และคงผลลัพธ์เรื่องความกระจ่างใสไว้:
- ไม่แนะนำให้เติม Squalane
- เปลี่ยนจาก Satin Cream Maker ไปใช้ Butter Cream Maker (3%) โดยใช้ความร้อนในการผสม
- เติม AnyGel (0.5-1%) เพื่อเพิ่มความหนืดข้น
- เติม MOIST24 (5%) เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและปรับปรุงความรู้สึกบนผิวหลังซึม
- คงส่วนผสมกลุ่ม Whitening และสารออกฤทธิ์อื่นๆ ที่ท่านใช้อยู่ (Safe-B3, GlucoBright, Activated Resorcinol S, MSH White Absorb, Willow Bark Extract, Bisabolol, Cyclomethicone, Reservoir-Tech)
หวังว่าคำแนะนำนี้จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาสูตรของท่านนะคะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)

GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)

Squalane (Olive)

Satin Cream Maker™

MSH White Absorb™

Activated Resorcinol S™ (Stabilized Liquid)

Butter Cream Maker™

MOIST24

Willow Bark Extract (Natural Salicylic Acid)
