การปรับสูตร Cleansing Oil สำหรับเป็น Eye & Lip Makeup Remover

จากคำถามของคุณและคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ มีแนวทางหลักสองแนวทางในการปรับสูตรคลีนซิ่งของคุณเพื่อใช้เป็นผลิตภัณฑ์เช็ดทำความสะอาดรอบดวงตาและริมฝีปาก:

แนวทางที่ 1: การปรับเปลี่ยนจากสูตรเดิม

วิธีที่ง่ายที่สุดคือการปรับเปลี่ยนสูตรเดิมของคุณโดยการตัด Coco-Wash™ (PEG-7 Glyceryl Cocoate) ออก เจ้าหน้าที่ได้อธิบายว่า MakeUp-Wash™ (PEG-6 Caprylic/Capric Glycerides) เป็นสารทำความสะอาดชนิด Micellar ที่อ่อนโยนมาก ซึ่งเพียงพอต่อการละลายและดูดซับเครื่องสำอางบนบริเวณที่บอบบางอย่างรอบดวงตาและริมฝีปาก ในขณะที่ Coco-Wash™ เป็นสารลดแรงตึงผิว ซึ่งแม้จะอ่อนโยน แต่ก็ยังเหมาะกับบริเวณที่ละเอียดอ่อนนี้น้อยกว่า

เมื่อตัด Coco-Wash™ (7%) ออกจากสูตรเดิมของคุณ และปรับส่วนของน้ำกลั่นให้เหมาะสม สูตรที่ปรับเปลี่ยนแล้วจะมีลักษณะดังนี้:

• Distilled Water (น้ำกลั่น): ประมาณ 82.4%
• Propylene Glycol: 10%
• MakeUp-Wash™: 7%
• Phenoxyethanol: 0.6%

สูตรที่ปรับเปลี่ยนนี้จะใช้คุณสมบัติการทำความสะอาดที่อ่อนโยนของ MakeUp-Wash™ สำหรับบริเวณรอบดวงตาและริมฝีปากที่บอบบาง

แนวทางที่ 2: การใช้ผลิตภัณฑ์เช็ดเครื่องสำอางแบบใช้ตัวทำละลาย

อีกแนวทางที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งนิยมใช้ในผลิตภัณฑ์เช็ดเครื่องสำอางรอบดวงตาและริมฝีปากตามท้องตลาด คือการใช้ตัวทำละลายที่มีประสิทธิภาพสูงในการละลายเม็ดสีของเครื่องสำอาง เจ้าหน้าที่ได้กล่าวถึงตัวทำละลายหลักสำหรับวัตถุประสงค์นี้:

• Cyclopentasiloxane (หรือ Cyclomethicone)
• Isododecane
• Butylene Glycol

ส่วนผสมเหล่านี้ทำงานโดยการละลายเครื่องสำอางโดยตรง ไม่ได้พึ่งพาสารลดแรงตึงผิวเป็นหลัก สูตรที่ใช้ตัวทำละลายเหล่านี้มักจะเป็นแบบสองชั้น (ส่วนที่เป็นน้ำมัน/ซิลิโคน และส่วนที่เป็นน้ำ) และมีประสิทธิภาพสูงในการลบเครื่องสำอางที่ติดทนหรือกันน้ำได้ดี

ระดับค่า pH

ไม่ว่าคุณจะเลือกแนวทางใด ค่า pH ที่เหมาะสมสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ใช้รอบดวงตาและริมฝีปากจะใกล้เคียงกับค่า pH ของผิว ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ที่ระหว่าง 5 ถึง 6 การรักษาค่า pH ให้อยู่ในเกณฑ์นี้จะช่วยคงสมดุลของเกราะป้องกันผิวตามธรรมชาติและลดการระคายเคือง

สรุปคือ คุณสามารถปรับสูตรเดิมของคุณโดยการตัด Coco-Wash™ ออกเพื่อให้ได้ Micellar Solution ที่อ่อนโยนขึ้น หรือสร้างสูตรใหม่แบบใช้ตัวทำละลายโดยใช้ส่วนผสมอย่าง Cyclopentasiloxane, Isododecane, และ Butylene Glycol เพื่อประสิทธิภาพในการละลายเครื่องสำอางที่ดีกว่า โดยเฉพาะเครื่องสำอางกันน้ำ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าค่า pH ของผลิตภัณฑ์สุดท้ายอยู่ที่ระหว่าง 5-6 เสมอ