การปรับสูตรเจลล้างหน้าเหลวให้เป็นเนื้อครีมโฟม

ถามโดย: poo3055 เมื่อ: July 26, 2016 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

ต้องการทราบวิธีการปรับสูตรเจลล้างหน้าเหลวที่มีอยู่ ให้ได้เนื้อสัมผัสแบบครีมโฟมที่สามารถบรรจุหลอดได้ เหมือนกับโฟมล้างหน้าทั่วไป ควรเพิ่มส่วนผสมอะไรบ้าง และส่วนผสมเหล่านั้นทำงานอย่างไรในการสร้างเนื้อครีมและฟองที่คงตัว?

คำตอบ

สวัสดีค่ะ จากข้อมูลสูตรเดิมของท่านที่เป็นเนื้อเจลเหลว และความต้องการที่จะปรับให้เป็นเนื้อครีมโฟมที่บรรจุหลอดได้เหมือนโฟมล้างหน้าทั่วไป โดยพิจารณาจากส่วนผสมที่ท่านมีและส่วนผสมที่ค้นหาได้ มีสารหลายชนิดที่สามารถช่วยปรับปรุงเนื้อสัมผัสได้ตามที่ท่านต้องการค่ะ

เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสแบบครีมโฟม สิ่งสำคัญคือการเพิ่มส่วนผสมที่ช่วยสร้างโครงสร้างเนื้อครีมและความคงตัวของฟอง นอกเหนือจากสารลดแรงตึงผิวที่มีอยู่แล้ว

สารที่แนะนำให้เติมเพิ่มเข้าไปในสูตรของท่าน ได้แก่:

  • Fatty Acids (กรดไขมัน): เช่น Stearic Acid หรือ Myristic Acid สารกลุ่มนี้เป็นหัวใจสำคัญในการสร้างเนื้อครีมโฟม เมื่อกรดไขมันเหล่านี้ทำปฏิกิริยากับ Triethanolamine ที่มีอยู่ในสูตรเดิมของท่าน จะเกิดเป็นสบู่ (Soap) ขึ้นภายในเนื้อผลิตภัณฑ์ ซึ่งสบู่นี้เองที่จะช่วยสร้างเนื้อครีมที่ข้น มีความคงตัว และให้ฟองที่ละเอียด เนียนนุ่ม และคงทนมากขึ้น

    • Stearic Acid: มีหลายเกรดให้เลือกใช้ ซึ่งเป็นกรดไขมันที่นิยมใช้ในครีมและโลชั่น ช่วยเพิ่มความข้นและสร้างเนื้อครีม
    • Myristic Acid: เป็นกรดไขมันอีกชนิดหนึ่งที่ทำงานคล้ายคลึงกับ Stearic Acid ในการสร้างสบู่กับเบส เพื่อให้ได้เนื้อครีมและฟองที่ต้องการ
  • Fatty Alcohols (แอลกอฮอล์ไขมัน): เช่น Cetyl Alcohol สารกลุ่มนี้เป็นของแข็งคล้ายขี้ผึ้ง ช่วยเพิ่มความข้นหนืดและความคงตัวให้กับเนื้อครีม ทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์มีความเป็นครีมมากขึ้น

    • Cetyl Alcohol: ทำหน้าที่เป็นสารเพิ่มความข้นและปรับเนื้อสัมผัสในครีมและโลชั่น ช่วยให้เนื้อครีมหนักขึ้นและมีความเป็นครีมมากขึ้น
  • Opacifiers/Pearlizers (สารให้ความขุ่น/มุก): เช่น Glycol Distearate หรือ Glyceryl Distearate สารเหล่านี้ช่วยให้เนื้อผลิตภัณฑ์มีความขุ่นหรือมีลักษณะเป็นมุก ซึ่งเป็นลักษณะเด่นอย่างหนึ่งของผลิตภัณฑ์เนื้อครีมโฟม ทำให้ผลิตภัณฑ์ดูน่าใช้และมีความเป็นครีมมากขึ้น

    • emulPearl™ (Glycol Distearate): ช่วยสร้างลักษณะที่เป็นมุกและเงาให้กับผลิตภัณฑ์ ทำให้ดูเหมือนเนื้อครีมโฟม
    • Glyceryl Distearate: สามารถใช้เป็นสารช่วยสร้างเนื้อสัมผัสและความคงตัวได้เช่นกัน

วิธีการนำไปใช้:

โดยทั่วไป สารกลุ่ม Fatty Acids และ Fatty Alcohols (เช่น Stearic Acid, Myristic Acid, Cetyl Alcohol) จะต้องนำไปหลอมให้ละลายด้วยความร้อน (ประมาณ 60-80 องศาเซลเซียส) ในส่วนที่เป็นน้ำมัน (Oil Phase) หรือส่วนที่ต้องให้ความร้อน ก่อนนำไปผสมกับส่วนอื่นๆ ในสูตร ส่วน Triethanolamine จะอยู่ในส่วนที่เป็นน้ำ (Water Phase) เมื่อนำส่วนน้ำมันที่หลอมแล้วมาผสมกับส่วนน้ำที่มี Triethanolamine กรดไขมันจะทำปฏิกิริยาเกิดเป็นสบู่ขึ้น

สารให้ความขุ่น/มุก (เช่น Glycol Distearate, Glyceryl Distearate) ก็มักจะหลอมรวมกับส่วนน้ำมันที่ให้ความร้อนเช่นกัน

ข้อแนะนำเพิ่มเติม:

  • การปรับสัดส่วนของ Stearic Acid หรือ Myristic Acid ที่ใช้ จะส่งผลโดยตรงต่อความข้นของเนื้อครีมและความคงตัวของฟอง ท่านอาจต้องเริ่มทดลองจากปริมาณน้อยๆ และค่อยๆ ปรับเพิ่ม
  • ปริมาณของ Triethanolamine ที่ใช้ควรสัมพันธ์กับปริมาณกรดไขมัน เพื่อให้เกิดปฏิกิริยาการสะเทินที่เหมาะสม
  • การเพิ่ม Cetyl Alcohol จะช่วยให้เนื้อครีมข้นและหนักขึ้น
  • การเพิ่ม Glycol Distearate หรือ Glyceryl Distearate จะช่วยให้ได้ลักษณะที่เป็นครีมขุ่นหรือมีมุก

การหาสัดส่วนที่ลงตัวเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่ใกล้เคียงกับผลิตภัณฑ์ที่ท่านอ้างอิง (โฟม พรีม โนบุ) อาจต้องอาศัยการทดลองปรับสูตรหลายครั้ง เนื่องจากผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์อาจมีส่วนผสมอื่นๆ หรือกระบวนการผลิตเฉพาะที่แตกต่างออกไปค่ะ

ท่านสามารถพิจารณาสั่งซื้อสารเหล่านี้เพื่อนำไปทดลองปรับปรุงสูตรได้ค่ะ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Cetyl Alcohol
Cetyl Alcohol
เครื่องสำอาง
emulPearl™ (Pearlizer, Flakes/Pellets)
emulPearl™ (Pearlizer, Flakes/Pellets)
เครื่องสำอาง
Stearic Acid (Stearic: 39-45%, Palmitic: 53-60%)
Stearic Acid (Stearic: 39-45%, Palmitic: 53-60%)
เครื่องสำอาง
Myristic Acid (FEMA-2764)
Myristic Acid (FEMA-2764)
เครื่องสำอาง
Glyceryl Distearate
Glyceryl Distearate
เครื่องสำอาง
Stearic Acid (Stearic: 50-56%, Palmitic: 41-50%)
Stearic Acid (Stearic: 50-56%, Palmitic: 41-50%)
เครื่องสำอาง
Stearic Acid (Stearic: 47-54%, Palmitic: 43-51%)
Stearic Acid (Stearic: 47-54%, Palmitic: 43-51%)
เครื่องสำอาง