การปรับสูตรเซรั่มวิตามินซีเพื่อความเสถียรและเนื้อเจลครีม
คำถาม
มีสูตรเซรั่มวิตามินซีที่ต้องการสอบถามว่าสามารถทำได้หรือไม่ และควรปรับปรุงตรงไหนบ้าง เพื่อให้สามารถจดแจ้งกับทาง อย. ได้ สูตรมีความคงตัว มีเนื้อสัมผัสแบบเจลครีมที่ใส่ขวดปั๊มได้ และไม่ใส่ Hyaluronic Acid
สูตรที่เสนอมีส่วนประกอบดังนี้:
- L-ascorbic acid Ultra-Fine: 15.00%
- Tocopherol: 2.00%
- Ferulic Acid: 1.00%
- DMI: 3.00%
- 1,2-Hexanediol: 3.00%
- Phospholipid: 2.00%
- Phloretin: 2.00%
- Ethyl Alcohol (99.9%): 4.00%
- Pro Polymer (Gel Maker): 2.00% (เคยลองผสมที่ 1% แล้วเนื้อเจลไม่เสถียร เกิดการแยกชั้น)
- LipidSoft™ Lite: 5.00%
- Protec OX™: 0.05%
- Protec UV™: 0.05%
- ActiveProtec™: 1.00%
- Disodium EDTA: 0.20%
- Phytic Acid: 0.20%
- ClayThick™: 0.50%
- Protec SQ™: 3.00%
- Coenzyme Q10: 0.50%
- Triethanolamine: 1.00%
- Panthenol ExtraLite™: 1.00% (ในเว็บส่งสูตรใส่ 0.5% ไม่ได้)
- Purified Water: ส่วนที่เหลือให้ครบ 100%
สูตรประมาณนี้สามารถทำได้หรือไม่คะ หรือควรปรับตรงไหนบ้าง ไม่ต้องการเนื้อสูตรเป็นน้ำเหลวๆใสๆ ต้องการเนื้อที่ข้นขึ้นมานิดนึงค่ะ
คำตอบ
การปรับปรุงสูตรสำหรับเจลครีมวิตามินซี
จากเป้าหมายของคุณในการสร้างเจลครีมวิตามินซีที่คงตัว เหมาะสำหรับบรรจุภัณฑ์แบบหัวปั๊ม สามารถจดแจ้ง อย. ได้ คงความเสถียรของวิตามินซี และไม่ใส่ Hyaluronic Acid สูตรที่คุณเสนอมาเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระและสารบำรุงผิวที่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม มีข้อควรพิจารณาที่สำคัญบางประการเกี่ยวกับความเสถียรและเนื้อสัมผัสเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่คุณต้องการ
ข้อควรพิจารณาและข้อเสนอแนะที่สำคัญ:
ความเสถียรของวิตามินซี (L-Ascorbic Acid): L-Ascorbic Acid (15%) ต้องการค่า pH ต่ำ (ประมาณ 3.5-4.0) เพื่อความเสถียร สูตรของคุณมี Triethanolamine (เป็นด่าง) และ Panthenol ExtraLite (มีค่า pH สูง) ซึ่งจะทำให้ค่า pH สูงขึ้น การใส่ Triethanolamine 1% ตามที่ระบุ อาจทำให้สูตรเป็นด่างเกินไปจน L-Ascorbic Acid ไม่เสถียรและสลายตัวได้ง่าย
- ข้อเสนอแนะ: หลังจากผสมส่วนผสมที่เป็นกรดและสารสร้างเนื้อ/อิมัลซิไฟเออร์แล้ว ให้วัดค่า pH อย่างระมัดระวัง ค่อยๆ เติม Triethanolamine ทีละน้อย พร้อมกับคน/ปั่น และวัดค่า pH จนกว่าจะอยู่ในช่วง 3.5-4.0 ปริมาณ Triethanolamine ที่ต้องการอาจน้อยกว่า 1%
เนื้อสัมผัส (เจลครีมและความคงตัว): คุณต้องการเนื้อเจลครีมที่เหมาะกับขวดปั๊ม และสังเกตว่า Pro Polymer 1% ไม่เสถียร การใช้ Pro Polymer 2% และ ClayThick 0.5% ที่คุณเสนอมาจะช่วยเพิ่มความข้น
- ความท้าทายที่สำคัญสำหรับการทำเจลครีมที่คงตัวซึ่งมีทั้งส่วนผสมที่ละลายในน้ำและละลายในน้ำมัน (เช่น LipidSoft Lite, Tocopherol, CoQ10, กลุ่ม Protec ในส่วนน้ำมัน) คือการทำอิมัลชัน สูตรของคุณขาดอิมัลซิไฟเออร์หลักแบบ O/W แม้ Phospholipid จะช่วยได้ แต่ก็อาจไม่เพียงพอที่จะป้องกันการแยกชั้นของส่วนน้ำมันออกจากส่วนน้ำ/เจล โดยเฉพาะเมื่อเวลาผ่านไปและอยู่ในขวดปั๊ม
- ข้อเสนอแนะ: ควรพิจารณาเพิ่มอิมัลซิไฟเออร์แบบ O/W ที่เหมาะสมและเข้ากันได้กับค่า pH ต่ำและอิเล็กโทรไลต์ เพื่อให้ส่วนน้ำมันกระจายตัวได้อย่างคงตัวในส่วนน้ำ/เจล นี่เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างอิมัลชันที่คงตัวซึ่งจะให้เนื้อเจลครีมที่สม่ำเสมอและป้องกันการแยกชั้น คุณอาจต้องปรับปริมาณ Pro Polymer และ ClayThick เมื่อเพิ่มอิมัลซิไฟเออร์แล้ว เพื่อให้ได้ความหนืดตามที่ต้องการ
การจดแจ้ง อย.: การควบคุมค่า pH ให้อยู่ระหว่าง 3.5-4.0 เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการจดแจ้ง อย. สำหรับผลิตภัณฑ์ทาแล้วไม่ล้างออกที่มี L-Ascorbic Acid นอกจากนี้ คุณต้องมีระบบกันเสียที่มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ แม้ 1,2-Hexanediol จะช่วยเสริมประสิทธิภาพของสารกันเสียได้ แต่ก็อาจไม่เพียงพอด้วยตัวเอง สูตรเดิมมี Phenoxyethanol ซึ่งเป็นสารกันเสียที่นิยมใช้
- ข้อเสนอแนะ: ใส่ระบบกันเสียที่ครบถ้วนและมีประสิทธิภาพในสูตรของคุณ หากใช้ Phenoxyethanol ควรใส่ในปริมาณที่เหมาะสม (เช่น 0.5-1%) และระบุในสูตร ตรวจสอบปริมาณส่วนผสมทั้งหมดว่าสอดคล้องกับข้อกำหนดล่าสุดของ อย. ไทย
การผสมส่วนผสม: Ferulic Acid และ Phloretin เป็นผงที่ละลายได้ยากในน้ำหรือน้ำมัน Ferulic Acid ละลายได้ในเอทานอลหรือ DMI ส่วน Phloretin เป็นแบบกระจายตัว
- ข้อเสนอแนะ: ละลาย Ferulic Acid ในส่วนของเอทานอล/DMI ส่วน Phloretin ควรใช้การปั่นแบบ High Shear เพื่อช่วยกระจายตัว อาจกระจายในส่วนน้ำเล็กน้อยหรือในส่วนผสมของตัวทำละลายก่อนนำไปรวมกับส่วนใหญ่
Coenzyme Q10: ส่วนผสมนี้ไวต่อความร้อนและแสง ควรเติมในขั้นตอนสุดท้ายเมื่ออุณหภูมิของสูตรต่ำกว่า 40°C และแนะนำให้ใช้บรรจุภัณฑ์ทึบแสง
สรุปสูตรที่เสนอ (พร้อมข้อควรพิจารณา):
- Purified Water (ส่วนที่เหลือให้ครบ 100%)
- L-ascorbic acid (Standard) 15%
- Tocopherol 2%
- Ferulic Acid 1%
- DMI 3%
- 1,2-Hexanediol 3%
- Phospholipid 2%
- Phloretin 2%
- Ethyl Alcohol (99.9%) 4%
- Pro Polymer (Gel Maker) 2%
- LipidSoft™ Lite 5%
- Protec OX™ 0.05%
- Protec UV™ 0.05%
- ActiveProtec™ 1%
- Disodium EDTA 0.2%
- Phytic Acid 0.2%
- ClayThick™ 0.5%
- Protec SQ™ 3%
- Coenzyme Q10 0.5%
- Triethanolamine (ปรับค่า pH ให้อยู่ในช่วง 3.5-4.0 - ปริมาณที่ใช้น่าจะน้อยกว่า 1%)
- Panthenol ExtraLite™ 1%
- ข้อแนะนำเพิ่มเติม: O/W Emulsifier ที่เหมาะสม (เช่น เข้ากันได้กับค่า pH ต่ำ/อิเล็กโทรไลต์) - ปริมาณขึ้นอยู่กับชนิดของอิมัลซิไฟเออร์ที่เลือกใช้
- ข้อแนะนำเพิ่มเติม: ระบบกันเสีย (หาก 1,2-Hexanediol และส่วนผสมอื่นยังไม่ครอบคลุม) - เช่น Phenoxyethanol 0.5-1% หรือสารกันเสียอื่นๆ ที่เหมาะสม
ด้วยการควบคุมค่า pH อย่างระมัดระวัง การทำอิมัลชันที่เหมาะสม และการมีระบบกันเสียที่แข็งแรง คุณสามารถสร้างเซรั่มวิตามินซีเนื้อเจลครีมที่คงตัวและมีประสิทธิภาพ มีเนื้อสัมผัสที่ต้องการสำหรับบรรจุภัณฑ์แบบปั๊ม และเหมาะสำหรับการจดแจ้ง อย. พร้อมทั้งให้ประโยชน์จากส่วนผสมออกฤทธิ์ต่างๆ ได้ค่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Pure-Ferulic Acid™

Vitamin E (dl-alpha tocopherol)

Triethanolamine 99%

Disodium EDTA

Pro Polymer™ (Gel Maker)

Panthenol (Vitamin B5) ExtraLite™

Coenzyme Q10 Extra

LipidSoft™ Lite (Isononyl Nonanoate)

Pure-Phloretin™

1,2-Hexanediol (Super-Purified, Odorless)

Vitamin C (L-ascorbic acid) (Standard)

Protec™ SQ

Dimethyl Isosorbide (DMI)

Phytic Acid (50% Liquid, Natural)
