การปรับสูตร Urea/Sodium Lactate สำหรับใช้กับผิวหน้าเทียบกับผิวกาย
คำถาม
ดิฉันมีสูตรสำหรับส้นเท้าแตกและข้อศอกด้าน ซึ่งมีส่วนผสมของ Sodium Lactate, Urea (ความเข้มข้น 10%), Gluconolactone และ Sodium PCA อยากทราบว่าสูตรนี้สามารถนำมาใช้กับผิวหน้าได้หรือไม่คะ? หากใช้ได้ ต้องปรับความเข้มข้นของส่วนผสมใดบ้างหรือไม่? โดยเฉพาะหากต้องการทำเป็นเนื้อเอสเซ้นส์สำหรับใช้กับผิวหน้า Gluconolactone มีหน้าที่อะไรในสูตรนี้ และจำเป็นต้องใส่หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อครีมหรือเอสเซ้นส์?
คำตอบ
การตรวจสอบสูตรและการใช้กับผิวหน้า/ผิวกาย
สำหรับสูตรที่คุณสอบถามเกี่ยวกับการทำผลิตภัณฑ์บำรุงส้นเท้าแตกและข้อศอกด้าน และสามารถทำเป็นเนื้อเอสเซ้นส์ได้หรือไม่ ทางทีมงานได้ให้คำแนะนำว่า แม้จะทำเป็นเนื้อเอสเซ้นส์ได้ แต่เนื้อครีมอาจมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าสำหรับผิวที่แห้งแตกมาก เนื่องจากมีส่วนผสมของน้ำมันที่ช่วยเคลือบผิวได้ดีกว่า
สูตรที่คุณเสนอมาซึ่งประกอบด้วย Sodium Lactate, Urea, Gluconolactone และ Sodium PCA นั้น เหมาะสมสำหรับการดูแลส้นเท้าแตกและข้อศอกด้าน สูตรนี้ให้ความชุ่มชื้นได้ดีและมีการผลัดเซลล์ผิวในระดับปานกลาง ซึ่งมีประสิทธิภาพสำหรับบริเวณดังกล่าว
สำหรับการนำสูตรนี้ไปใช้กับผิวหน้า ทางทีมงานแนะนำให้ลดความเข้มข้นของ Urea และ Sodium Lactate ลงประมาณ 50% เนื่องจากส่วนผสมทั้งสองนี้มีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิว ซึ่งความเข้มข้นเดิม (Urea 10% และ Sodium Lactate 5%) อาจจะแรงเกินไปสำหรับผิวหน้าที่บอบบางกว่า
การใช้ Gluconolactone ในสูตรมีความสำคัญไม่ว่าจะเป็นเนื้อเอสเซ้นส์หรือเนื้อครีม เนื่องจากช่วยในการคงตัวของ Urea และช่วยควบคุมค่า pH ของสูตรให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมที่ 4.5-5.5 ซึ่งจำเป็นต่อประสิทธิภาพของ Urea ในระยะยาว
สรุป:
- สูตรเดิมเหมาะสมสำหรับใช้กับผิวกายในบริเวณที่แห้งกร้าน เช่น ส้นเท้าแตกและข้อศอกด้าน
- หากต้องการใช้กับผิวหน้า ควรลดความเข้มข้นของ Urea และ Sodium Lactate ลงประมาณ 50%
- Gluconolactone จำเป็นสำหรับการคงตัวของ Urea และควบคุม pH ทั้งในสูตรสำหรับผิวกายและผิวหน้า
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Sodium Lactate (60% Liquid, Natural)

Urea (High Purity, Cosmetics, Powder)

Sodium PCA 50%
