การปรับสูตร Vitamin C E Ferulic สำหรับผิวแต่ละประเภท
คำถาม
หากอยากทำสูตรเพื่อใช้ได้ทั้งหน้ามันและหน้าแห้ง ต้องปรับอย่างไร
คำตอบ
การวิเคราะห์สูตรและคำแนะนำ
จากสูตรที่ให้มาและข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ นี่คือการวิเคราะห์และคำตอบสำหรับคำถามของคุณ:
1. สูตรนี้สามารถใช้ได้หรือไม่?
สูตรนี้มีส่วนประกอบของ L-ascorbic acid (วิตามินซี) ในปริมาณสูงถึง 12% ตามที่เจ้าหน้าที่ได้แจ้งและข้อมูลผลิตภัณฑ์ของ L-ascorbic acid ระบุไว้ วิตามินซีรูปแบบนี้ไม่เสถียรอย่างยิ่งในสูตรที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบและจะเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว ทำให้สูญเสียประสิทธิภาพ สูตรมีน้ำกลั่น 43% ซึ่งจะทำให้ L-ascorbic acid เสื่อมสภาพอย่างรวดเร็วแน่นอน
นอกจากนี้ สูตรยังใช้ Ethoxydiglycol ในปริมาณ 14.5% ข้อมูลผลิตภัณฑ์ของ Ethoxydiglycol และบันทึกของเจ้าหน้าที่ระบุว่าการใช้ในปริมาณที่สูงกว่า 5% ในผลิตภัณฑ์แบบ Leave-on อาจทำให้รู้สึกร้อนและอาจเกิดการระคายเคืองได้ ปริมาณ 14.5% สูงกว่าปริมาณสูงสุดที่แนะนำสำหรับผลิตภัณฑ์แบบ Leave-on ที่ 2.6% อย่างมาก ซึ่งมีแนวโน้มสูงที่จะทำให้เกิดการระคายเคืองผิว
แม้ว่าสูตรจะมีส่วนประกอบที่เป็นประโยชน์อื่นๆ เช่น Ferulic Acid, Vitamin E, Activated Resorcinol, Resveratrol, Panthenol (Pro-Vitamin B5), Alpha Bisabolol และ Hyaluronic Acid แต่ความไม่เสถียรของ L-ascorbic acid และปริมาณ Ethoxydiglycol ที่สูง ทำให้สูตรนี้มีปัญหาในการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพและสบายผิว
ดังนั้น สูตรตามที่เขียนมา ไม่แนะนำให้ใช้ เนื่องจากปัญหาความเสถียรของวิตามินซีและโอกาสสูงที่จะเกิดการระคายเคืองผิวจาก Ethoxydiglycol
2. หากต้องการใช้กับผิวบอบบางต้องปรับเปลี่ยนอย่างไร?
สำหรับผิวบอบบาง จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนหลายอย่าง:
- เปลี่ยน L-ascorbic acid: เนื่องจากความไม่เสถียรและโอกาสในการระคายเคือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปริมาณสูงและค่า pH ที่ไม่เหมาะสม ควรเปลี่ยน L-ascorbic acid เป็นวิตามินซีอนุพันธ์ที่มีความเสถียรและระคายเคืองน้อยกว่า ตัวเลือกที่เจ้าหน้าที่แนะนำ ได้แก่ Perfect-C (Ascorbyl Tetraisopalmitate), AA2G (Ascorbyl Glucoside) หรือ Ethyl Ascorbic Acid เลือกใช้ตัวใดตัวหนึ่งตามคุณสมบัติที่ต้องการและความเข้ากันได้กับสูตร
- ลด Ethoxydiglycol: ลดปริมาณ Ethoxydiglycol ลงอย่างมาก ให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปริมาณสูงสุดที่แนะนำสำหรับผลิตภัณฑ์แบบ Leave-on ที่ 2.6% เพื่อลดความรู้สึกร้อนและการระคายเคือง อาจต้องปรับตัวทำละลายหรือสารนำพาอื่นๆ ตามความเหมาะสม
- พิจารณาลดสารออกฤทธิ์อื่นๆ: ส่วนประกอบอย่าง Activated Resorcinol และ Resveratrol แม้จะมีประโยชน์ แต่ก็อาจทำให้เกิดการระคายเคืองในผู้ที่มีผิวบอบบางได้ พิจารณาลดปริมาณลง หรืออาจละเว้นหากผิวบอบบางเป็นปัญหาหลัก
- เพิ่มส่วนประกอบที่ช่วยปลอบประโลมผิว: สูตรเดิมมี Alpha Bisabolol และ Panthenol (Pro-Vitamin B5) ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่ามีคุณสมบัติช่วยปลอบประโลมผิว ตรวจสอบให้แน่ใจว่าใส่ในปริมาณที่เหมาะสม (Alpha Bisabolol ในสูตรเดิมอยู่ที่ 1% ซึ่งเป็นปริมาณที่แนะนำที่ดี)
- ปรับค่า pH: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าค่า pH สุดท้ายของสูตรเหมาะสมกับผิวบอบบาง ซึ่งโดยทั่วไปควรเป็นกรดอ่อนๆ (ประมาณ pH 5.5) เพื่อให้ใกล้เคียงกับเกราะป้องกันผิวตามธรรมชาติ แต่ก็ต้องพิจารณาช่วง pH ที่เหมาะสมสำหรับวิตามินซีอนุพันธ์ที่เลือกใช้ด้วย
3. หากอยากทำสูตรเพื่อใช้ได้ทั้งหน้ามันและหน้าแห้ง ต้องปรับอย่างไร?
การสร้างสูตรเดียวที่เหมาะสมที่สุดสำหรับทั้งผิวหน้ามันและผิวหน้าแห้งเป็นเรื่องที่ท้าทาย เนื่องจากความต้องการของผิวทั้งสองประเภทแตกต่างกัน ผิวแห้งต้องการสารให้ความชุ่มชื้นและสารเคลือบผิวมากขึ้นเพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำ ในขณะที่ผิวมันจะได้รับประโยชน์จากเนื้อสัมผัสที่บางเบาและส่วนประกอบที่ช่วยควบคุมความมัน
ตามที่เจ้าหน้าที่ได้กล่าวไว้ สูตรแบบ "กลางๆ" อาจไม่ตอบโจทย์ผิวทั้งสองประเภทได้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม หากต้องการสร้างสูตรที่ใช้ได้ทั้งสองสภาพผิว ให้พิจารณาดังนี้:
- เนื้อสัมผัสของเบส: ควรเลือกเนื้อสัมผัสที่บางเบา ไม่เหนอะหนะ เช่น เซรั่ม หรือโลชั่นเนื้อบางเบา ซึ่งโดยทั่วไปเป็นที่ยอมรับของผิวมันได้ดีกว่า ผู้ที่มีผิวแห้งอาจต้องใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่เข้มข้นขึ้นทาทับ
- สารให้ความชุ่มชื้น (Humectants): ใช้สารให้ความชุ่มชื้นในปริมาณที่สมดุล เช่น Glycerin และ Hyaluronic Acid (ทั้งขนาด Standard และ Nano มีอยู่ในสูตรเดิมของคุณแล้ว) เพื่อให้ความชุ่มชื้นโดยไม่รู้สึกหนักผิว
- สารบำรุงผิว (Emollients): ใช้สารบำรุงผิวที่บางเบาและไม่อุดตันในปริมาณปานกลาง หลีกเลี่ยงน้ำมันหรือบัตเตอร์ที่หนักเกินไป ซึ่งอาจทำให้ผิวมันรู้สึกเหนอะหนะ
- สารออกฤทธิ์: สารออกฤทธิ์ในสูตรของคุณ (วิตามินซีอนุพันธ์, Ferulic Acid, Vitamin E, Activated Resorcinol, Resveratrol) สามารถเป็นประโยชน์ต่อผิวทั้งสองประเภท ในการจัดการปัญหาต่างๆ เช่น สีผิวไม่สม่ำเสมอ สัญญาณแห่งวัย และการปกป้องจากอนุมูลอิสระ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าปริมาณเหมาะสมและผิวทนได้ดี
- Ethoxydiglycol: ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ควรลดปริมาณ Ethoxydiglycol ลงอย่างมากสำหรับทุกสภาพผิว รวมถึงผิวมันและผิวแห้งด้วย
แนวทางที่มีประสิทธิภาพมากกว่าคือการสร้างสูตรสองแบบแยกกัน – สูตรที่บางเบากว่า (เช่น เซรั่มหรือเจล) สำหรับผิวมัน และสูตรที่เข้มข้นขึ้นเล็กน้อย (เช่น โลชั่นหรือครีม) สำหรับผิวแห้ง โดยปรับระดับและชนิดของสารบำรุงผิวตามความเหมาะสม
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Hyaluronic Acid (Standard Molecule)

Panthenol (Vitamin B5, DL-Panthenol, Powder)

Pure-Ferulic Acid™

Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)

Vitamin E (dl-alpha tocopherol)

Ethoxydiglycol (e.q. Transcutol)

Propylene Glycol

Triethanolamine 99%

Laureth-23

Glycerin (USP/Food Grade)

Phenoxyethanol (Extra Pure)

Disodium EDTA

Pro Polymer™ (Gel Maker)

Ascorbyl Glucoside (AA-2G Stabilized Vitamin C)

Activated Resorcinol™ (4-Butyl Resorcinol)

Perfect-C™ (Ascorbyl Tetraisopalmitate)

Trans-Resveratrol (Powder, 98%)

Pure-Phloretin™
