คำแนะนำการปรับสูตรและเปลี่ยนเนื้อผลิตภัณฑ์

การลดความเหนอะหนะในเนื้อเจล

หากสูตรเจลที่ทำออกมามีความรู้สึกเหนอะหนะผิวมากเกินไป สามารถแก้ไขได้โดยการเพิ่มสารที่ช่วยเพิ่มความลื่นให้กับผิว ซึ่งจะช่วยลดความเหนียวเหนอะหนะลงได้ สารที่แนะนำได้แก่

• Cyclomethicone หรือ LipidSoft D5 (Cyclomethicone Replacer): สามารถเติมในสูตรได้ 5-10% มีข้อดีคือให้ความรู้สึกนุ่มลื่น เบา แต่บางคนอาจมีอาการแพ้สารกลุ่มซิลิโคนได้
• PowderCream: เป็นผงโพลิเมอร์ที่ช่วยให้เนื้อครีมหรือเจลมีความรู้สึกเหมือนทาแป้ง เมื่อทาแล้วจะให้ความรู้สึกเบาขึ้น ลื่นขึ้น

คุณสามารถพิจารณาเลือกใช้สารในกลุ่ม Emollient อื่นๆ ที่มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความลื่นให้กับผิวได้เช่นกัน

การเปลี่ยนจากเนื้อเจลเป็นเนื้อครีม

เนื้อครีมจะแตกต่างจากเนื้อเจลตรงที่มีส่วนประกอบของน้ำมันอยู่ในสูตร ในขณะที่เนื้อเจลไม่มีส่วนของน้ำมัน หากต้องการเปลี่ยนจากเนื้อเจลที่ใช้ Pro Polymer เป็นเนื้อครีม สามารถทำได้โดยใช้ Light Cream Maker แทน Pro Polymer และจำเป็นต้องเพิ่มส่วนของน้ำมัน (Oil Phase) เข้าไปในสูตรอย่างน้อย 5%

วิธีการปรับสูตรจากเจลเป็นครีม (ตัวอย่าง)

จากสูตรเจลเดิมที่เน้นลดริ้วรอย:

• Distilled Water
• DMAE (Skin Tight MD)
• Vitamin B3, Niacinamide (Safe-B3)
• Pep-Coll (syn-coll)
• Vitamin B5
• Pro Polymer
• Phenoxyethanol

หากต้องการเปลี่ยนเป็นเนื้อครีม สามารถปรับได้โดยแบ่งส่วนผสมเป็น 2 ส่วนหลัก (ส่วนน้ำและส่วนน้ำมัน) และใช้ Light Cream Maker เป็นตัวประสานน้ำกับน้ำมัน ดังนี้:

Part A: Water Phase

• น้ำกลั่น (ปรับลดปริมาณลง)
• DMAE (Skin Tight MD)
• Vitamin B3, Niacinamide (Safe-B3)
• Pep-Coll (syn-coll)
• Vitamin B5 (อาจพิจารณาลดปริมาณลงหากรู้สึกเหนอะหนะ)

Part B: Oil Phase

• LipidSoft ชนิดที่ต้องการ (เช่น LipidSoft C1215, LipidSoft Palm, LipidSoft Lite) อย่างน้อย 5%
• Light Cream Maker 1-2% (ปรับตามความข้นที่ต้องการ)

Part C: Preservative

• Phenoxyethanol

ขั้นตอนการผสม (โดยทั่วไปสำหรับการทำครีม)

1. ผสมส่วนน้ำ (Part A) ทั้งหมดเข้าด้วยกัน คนหรือปั่นให้เข้ากันจนสารละลายดี
2. ผสมส่วนน้ำมัน (Part B) ทั้งหมดเข้าด้วยกัน อาจต้องให้ความร้อนเล็กน้อย (ประมาณ 50 องศาเซลเซียส) หากมีส่วนผสมที่เป็นของแข็งหรือกึ่งแข็ง
3. นำส่วนน้ำ (A) และส่วนน้ำมัน (B) มาผสมรวมกัน โดยค่อยๆ เทส่วนน้ำมันลงในส่วนน้ำพร้อมกับคนหรือปั่นอย่างต่อเนื่อง จนได้เนื้อครีมที่เนียนเข้ากัน
4. เติมส่วนของสารกันเสีย (Part C) และสารอื่นๆ ที่ต้องเติมในขั้นตอนสุดท้าย (เช่น สารที่ทนความร้อนไม่ได้) คนให้เข้ากัน

ข้อควรระวัง:

• ปริมาณ Vitamin B5 ที่สูง (เช่น 10%) อาจทำให้รู้สึกเหนอะหนะได้ แม้จะเปลี่ยนเป็นเนื้อครีมแล้วก็ตาม อาจพิจารณาลดปริมาณลง หรือใช้ Vitamin B5 ExtraLite™ หากต้องการความบางเบา
• การใช้ Light Cream Maker ในสูตรที่มีส่วนผสมของ Electrolyte (เช่น DMAE, Azelaic Acid) อาจทำให้เนื้อครีมอ่อนตัวลงได้ ต้องเพิ่มปริมาณ Light Cream Maker ให้มากขึ้นเพื่อชดเชย

เนื้อครีม vs เนื้อเจล แบบไหนดีกว่ากัน?

ไม่มีเนื้อผลิตภัณฑ์แบบไหนที่ดีกว่ากันโดยสมบูรณ์ การเลือกขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความชอบส่วนบุคคล:

• เนื้อเจล: เหมาะสำหรับ ผิวมัน เนื่องจากไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน ซึ่งจะไม่เพิ่มความมันให้กับผิว
• เนื้อครีม: เหมาะสำหรับ ผิวธรรมดาถึงผิวแห้ง เนื่องจากมีส่วนผสมของน้ำมันที่จะช่วยเคลือบผิว ลดการสูญเสียน้ำ ทำให้ผิวชุ่มชื้นและนุ่มนวลขึ้น

คุณสามารถเลือกเนื้อผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวและความรู้สึกที่ชอบได้เลยค่ะ