การปรับเปลี่ยนสูตร Vitamin C E Ferulic Acid: การแทนที่ Laureth-23 และการนำ Glycerin/Propylene Glycol ออก

คุณได้สอบถามเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนสูตร Vitamin C E Ferulic acid โดยการแทนที่ Laureth-23 ด้วย Laureth-7 และการนำ Glycerin กับ Propylene Glycol ออก เพื่อหลีกเลี่ยงขั้นตอนการให้ความร้อน

นี่คือผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้:

• การแทนที่ Laureth-23 ด้วย Laureth-7:

  • Laureth-23 เป็นอิมัลซิไฟเออร์ชนิดแข็งที่ต้องใช้ความร้อนในการผสมเข้ากับส่วนของน้ำมัน มีค่า HLB ประมาณ 17-18 ใช้เพื่อสร้างเนื้อครีมที่คงตัว
  • Laureth-7 เป็นอิมัลซิไฟเออร์ชนิดเหลว มีค่า HLB ต่ำกว่าคือ 12.3 แม้ว่าการใช้ Laureth-7 จะช่วยให้ไม่ต้องใช้ความร้อน แต่ค่า HLB ที่แตกต่างกันหมายความว่ามันทำหน้าที่เป็นอิมัลซิไฟเออร์แตกต่างออกไป การแทนที่นี้อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อความคงตัวและเนื้อสัมผัสของครีมสำเร็จรูป อาจทำให้เกิดการแยกชั้นหรือมีเนื้อสัมผัสที่แตกต่างจากสูตรเดิม

• การนำ Glycerin และ Propylene Glycol ออก:

  • ทั้ง Glycerin และ Propylene Glycol ทำหน้าที่เป็นสารให้ความชุ่มชื้น (humectants) และตัวทำละลาย (solvents) ในสูตรเครื่องสำอาง
  • พวกเขามีความสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยละลายสารออกฤทธิ์ (เช่น Vitamin C) และช่วยรักษาความคงตัวของสูตร โดยเฉพาะเมื่อเวลาผ่านไปและเมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ยังช่วยให้เนื้อผลิตภัณฑ์มีความรู้สึกที่ดีและเกลี่ยง่ายบนผิว
  • การนำส่วนผสมทั้งสองนี้ออกไป มีแนวโน้มที่จะลดความสามารถของสูตรในการให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว และอาจส่งผลกระทบต่อความคงตัวของสารออกฤทธิ์ ซึ่งอาจนำไปสู่ประสิทธิภาพที่ลดลง หรือการเปลี่ยนแปลงลักษณะภายนอก (เช่น การตกตะกอน)

โดยสรุป แม้ว่าการปรับเปลี่ยนเหล่านี้อาจทำให้กระบวนการทำสูตรง่ายขึ้นโดยไม่ต้องใช้ความร้อน แต่เกี่ยวข้องกับการแทนที่อิมัลซิไฟเออร์ที่มีคุณสมบัติต่างกัน และการนำส่วนผสมสำคัญที่เป็นสารให้ความชุ่มชื้น/ตัวทำละลายออกไป การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ซึ่งอาจส่งผลต่อความคงตัว เนื้อสัมผัส และประสิทธิภาพของสูตร Vitamin C E Ferulic acid ดั้งเดิมได้ ดังที่ผู้สร้างสูตรเดิมได้กล่าวไว้ การปรับเปลี่ยนใดๆ อาจส่งผลให้ได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างจากสูตรดั้งเดิม