การปรับเปลี่ยนสูตรเซรั่มวิตามินซี ให้เนื้อเบา ใส คงตัว

ถามโดย: nichanichaon เมื่อ: July 28, 2019 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

ต้องการดัดแปลงสูตร เซรั่มวิตามิน C E Ferulic โดยมีคุณสมบัติที่ต้องการดังนี้:

  1. เนื้อเบา เหลว สีใส
  2. pH 3.5
  3. ทน electrolyte ได้ดี เพราะสูตรมีส่วนผสม Calcium Pantothenate
  4. ซึมเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ (ทาบำรุงก่อนแต่งหน้าตอนเช้า)

รบกวนสอบถามดังนี้ค่ะ

  1. ตัวทำละลายใช้ 5 ตัวรวมกันได้ไหมคะ และเพียงพอต่อการละลายวิตามิน C 15% ได้อย่างสมบูรณ์หรือไม่

    • Isopentyldiol 12%
    • Dimethyl Isosorbide (DMI) 5%
    • Ethoxydiglycol 3% (ใช้ทำละลาย Ferulic Acid 1%)
    • Butylene Glycol 3% (ใช้ทำละลาย Licorice Extract (Glabridin 90%))
    • Glycerin 2% (ใจจริงไม่อยากใช้เลย เพราะมี Isopentyldiol แทนแล้ว ตัดตัวนี้ออกเลยได้ไหมคะ)
  2. ในสูตรมีส่วนผสมที่ละลายในน้ำมันประมาณ 9% แต่ไม่ต้องการใช้ Laureth-23 เลยเพราะยิ่งทำให้ครีมหนืดเหนอะหนะ ควรเลือกใช้ตัวไหนดีคะ จึงจะให้คุณสมบัติ เนื้อเบา เหลว สีใส

    • Silk Lotion Maker + Polysorbate 80 (Tween 80)
    • Silky Serum Base Plus (Face/Eye, Oil) (ข้อดีคือส่วน water ยิ่งน้อย เนื้อยิ่งเหลว)
    • Poloxamer 407 (ต้องการผสมน้ำหอมเพื่อช่วยกลบกลิ่น DMI)
    • Flora Solve™ Clear (ต้องการผสมน้ำหอมเพื่อช่วยกลบกลิ่น DMI)
    • Steareth-21
    • PEG-20 Methyl Glucose Sesquistearate + Methyl Glucose Sesquistearate
      *เลือกไม่ถูกเลยค่ะ หาก staff เห็นว่ามี Emulsifier ตัวอื่นที่เหมาะสมกว่า แนะนำได้นะคะ
  3. HLB คืออะไรคะ คุณสมบัติของ Emulsifier เห็นระบุเอาไว้เกือบทุกตัว

  4. สงสัยเกียวกับการใช้ Laurocapram

    • Laurocapram water ระบุว่า เหมาะสำหรับสูตรที่มีเฉพาะสาร active ที่ละลายในน้ำเท่านั้น
    • Laurocapram oil ระบุว่า เหมาะสำหรับสูตรที่มีเฉพาะสาร active ที่ละลายในน้ำมันเท่านั้น

    *แปลว่าหากสูตรที่มีสาร active ที่ละลายทั้งในน้ำและน้ำมัน และต้องประสานเนื้อครีม ไม่ควรใช้ Laurocapram ทั้งสองตัวเลยใช่ไหมคะ เพราะมันส่งผลกระทบต่อสารนำพาอีกตัว

  5. อยากลองใช้สารนำพา Nano Gold (Nanocarrier, Colloidal Gold 1-50nm) เหมาะกับครีมเนื้อเหลวไหมคะ มันจะตกตะกอนไหม ละลายยากไหมคะ สารนำพาตัวนี้มีข้อจำกัดห้ามใช้กับสารตัวอื่นไหม อยากใช้ แต่ราคาแพงเหลือเกิน จึงขอถามอย่างละเอียด กลัวซื้อมาผสมแล้วใช้ประโยชน์ไม่คุ้มค่า

คำตอบ

การปรับเปลี่ยนสูตรเซรั่มวิตามินซี

นี่คือคำตอบโดยละเอียดสำหรับคำถามของคุณเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนสูตรเซรั่มวิตามินซี อี เฟอรูลิก เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่บางเบา เป็นของเหลว ใส ซึมเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ มีค่า pH 3.5 และทนต่ออิเล็กโทรไลต์ได้ดี

1. ระบบตัวทำละลายสำหรับวิตามินซี 15%

การใช้ตัวทำละลายทั้งห้าชนิดที่คุณเสนอ (Isopentyldiol 12%, Dimethyl Isosorbide (DMI) 5%, Ethoxydiglycol 3%, Butylene Glycol 3%, Glycerin 2%) รวมทั้งหมด 25% ควรเพียงพอต่อการละลาย L-Ascorbic Acid 15% โดยเฉพาะที่ pH 3.5 ซึ่ง L-Ascorbic Acid ต้องการระบบตัวทำละลายที่เข้มข้นสำหรับการละลายในความเข้มข้นสูงที่ pH นี้

  • Isopentyldiol เป็นตัวทำละลายและสารให้ความชุ่มชื้นที่ดี มีคุณสมบัติระคายเคืองต่ำกว่าและให้ความรู้สึกไม่เหนอะหนะ
  • Dimethyl Isosorbide (DMI) เป็นตัวทำละลายและสารนำพาที่ยอดเยี่ยมสำหรับสารออกฤทธิ์ที่ละลายน้ำได้ เช่น L-Ascorbic Acid มีประสิทธิภาพสูง แต่มีกลิ่นเฉพาะตัวที่ต้องหาวิธีกลบกลิ่น
  • Ethoxydiglycol เป็นตัวทำละลายและสารนำพาที่มีประสิทธิภาพอีกชนิดหนึ่ง ช่วยละลายส่วนผสมต่างๆ เช่น Ferulic Acid ได้
  • Butylene Glycol เป็นตัวทำละลายและสารให้ความชุ่มชื้นทั่วไป อ่อนโยนกว่า Propylene Glycol
  • Glycerin เป็นสารให้ความชุ่มชื้นและตัวทำละลาย แต่สามารถทำให้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะได้ โดยเฉพาะเมื่อใช้ในปริมาณสูง

คุณสามารถตัด Glycerin (2%) ออกได้ หากกังวลเรื่องความเหนียวเหนอะหนะ เนื่องจาก Isopentyldiol ก็ให้ความชุ่มชื้นและสัมผัสที่ดีอยู่แล้ว ส่วนผสมตัวทำละลายที่เหลือ (Isopentyldiol 12%, DMI 5%, Ethoxydiglycol 3%, Butylene Glycol 3% - รวม 23%) ควรยังคงสามารถละลาย L-Ascorbic Acid 15% ได้ โดยเฉพาะด้วยความช่วยเหลือจาก DMI และ Ethoxydiglycol คุณอาจต้องปรับสัดส่วนของน้ำในสูตรตามความเหมาะสม

2. การเลือกอิมัลซิไฟเออร์สำหรับเซรั่มเนื้อบางเบาและใส

การทำเซรั่มที่ ใสและเป็นของเหลว ที่มีส่วนของน้ำมัน 9% ในสภาวะ pH 3.5 ที่มีอิเล็กโทรไลต์เป็นเรื่องที่ท้าทาย เนื่องจากอิมัลซิไฟเออร์ทั่วไปจำนวนมากจะทำให้น้ำยาขุ่น จากความต้องการของคุณ:

  • Laureth-23 และ Steareth-21 เป็นอิมัลซิไฟเออร์ชนิดแข็งที่มักใช้สำหรับครีมและโลชั่น ไม่เหมาะสำหรับเซรั่มที่เป็นของเหลวใส แม้ว่า Steareth-21 จะระบุว่าทนต่ออิเล็กโทรไลต์ได้ดีก็ตาม
  • Silk Lotion Maker (ซึ่งมีส่วนประกอบของ PEG/PPG-18/18 Dimethicone) เป็นอิมัลซิไฟเออร์ชนิด W/O หรือ W/Silicone ไม่เหมาะสำหรับการกระจายน้ำมันในเบสน้ำ/ตัวทำละลาย (O/W)
  • Silky Serum Base Plus เป็นเบสสำเร็จรูปชนิด O/W ที่สามารถรวมน้ำมันได้ แต่ผลลัพธ์อาจไม่ได้เซรั่มที่ใสสมบูรณ์และมีส่วนประกอบของซิลิโคน
  • Polysorbate 80 และ Poloxamer 407 สามารถทำหน้าที่เป็นสารช่วยละลาย/อิมัลซิไฟเออร์ได้ แต่การละลายน้ำมัน 9% อาจต้องใช้ความเข้มข้นสูง ซึ่งอาจส่งผลต่อความใส ความหนืด หรือความคงตัวในสภาวะ pH ต่ำและมีอิเล็กโทรไลต์
  • Flora Solve™ Clear ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการสร้างไมโครอิมัลชันที่ใสของน้ำมัน/น้ำหอมในน้ำ นี่เป็นตัวเลือกที่มีแนวโน้มดีที่สุดสำหรับการทำให้ส่วนของน้ำมันใสในเบสน้ำ อย่างไรก็ตาม คุณจะต้องใช้ในปริมาณมาก (โดยทั่วไปคือ 2-5 เท่าของปริมาณส่วนของน้ำมัน) เพื่อละลายน้ำมัน 9% ซึ่งอาจส่งผลต่อเนื้อสัมผัสและต้นทุน คุณจะต้องทดสอบอัตราส่วนที่เหมาะสมสำหรับส่วนผสมน้ำมันเฉพาะของคุณ
  • การใช้ PEG-20 Methyl Glucose Sesquistearate คู่กับ Methyl Glucose Sesquistearate เป็นคู่ของอิมัลซิไฟเออร์ที่คงตัวและทนต่ออิเล็กโทรไลต์ได้ดี แต่มักจะสร้างอิมัลชันชนิด O/W ที่ขุ่น ไม่ใช่เซรั่มใส

สำหรับเซรั่มที่ ใสและเป็นของเหลว Flora Solve™ Clear เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดในบรรดาสารที่คุณระบุมาสำหรับการละลายส่วนของน้ำมัน คุณจะต้องกำหนดอัตราส่วนที่แน่นอนผ่านการทดสอบเพื่อให้แน่ใจว่ามีความใสและความคงตัวกับส่วนผสมน้ำมันเฉพาะของคุณ และการมีอยู่ของอิเล็กโทรไลต์และ pH ต่ำ หากไม่สามารถทำเซรั่มที่ใสสมบูรณ์ได้ หรือปริมาณ Flora Solve™ Clear ที่ต้องใช้สูงเกินไป อิมัลชันแบบโปร่งแสงหรือแบบบางเบาอาจเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเมื่อใช้อิมัลซิไฟเออร์อื่นๆ ที่ทนต่ออิเล็กโทรไลต์ได้

3. ความหมายของ HLB

HLB ย่อมาจาก Hydrophilic-Lipophilic Balance เป็นค่าตัวเลขที่ใช้อธิบายความสมดุลระหว่างส่วนที่ชอบน้ำ (hydrophilic) และส่วนที่ชอบน้ำมัน (lipophilic) ของโมเลกุลอิมัลซิไฟเออร์ โดยทั่วไปค่าจะอยู่ในช่วง 0 ถึง 20

  • ค่า HLB ต่ำ (เช่น 1-10) แสดงว่าอิมัลซิไฟเออร์ชอบน้ำมันมากกว่า (lipophilic) และมักใช้สำหรับอิมัลชันชนิด Water-in-Oil (W/O) ซึ่งหยดน้ำกระจายตัวอยู่ในเฟสน้ำมันต่อเนื่อง
  • ค่า HLB สูง (เช่น 10-20) แสดงว่าอิมัลซิไฟเออร์ชอบน้ำมากกว่า (hydrophilic) และมักใช้สำหรับอิมัลชันชนิด Oil-in-Water (O/W) ซึ่งหยดน้ำมันกระจายตัวอยู่ในเฟสน้ำต่อเนื่อง

อิมัลซิไฟเออร์ทำงานโดยการวางตำแหน่งตัวเองที่รอยต่อระหว่างเฟสน้ำมันและน้ำ ลดแรงตึงผิวและสร้างส่วนผสมที่คงตัว ค่า HLB ที่ต้องการของเฟสน้ำมัน (ค่าที่แสดงว่าส่วนผสมน้ำมันชอบน้ำหรือชอบน้ำมันมากน้อยเพียงใด) ช่วยกำหนดค่า HLB หรือช่วง HLB ที่เหมาะสมที่ต้องการจากอิมัลซิไฟเออร์หรือส่วนผสมของอิมัลซิไฟเออร์เพื่อสร้างอิมัลชันที่คงตัว

4. การใช้ Laurocapram

จากคำอธิบายผลิตภัณฑ์:

  • Laurocapram (Water Soluble) เหมาะสำหรับสูตรที่มีเฉพาะสารออกฤทธิ์ที่ละลายในน้ำ เท่านั้น
  • Laurocapram (Oil Soluble) เหมาะสำหรับสูตรที่มีเฉพาะสารออกฤทธิ์ที่ละลายในน้ำมัน เท่านั้น

คำอธิบายทั้งสองชนิดแนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้ Laurocapram ร่วมกับสารนำพาอื่นๆ ยกเว้น 1,2-Hexanediol เนื่องจากอาจลดประสิทธิภาพโดยรวมได้ ดังนั้น หากสูตรของคุณมีทั้งสารออกฤทธิ์ที่ละลายน้ำได้และละลายน้ำมันได้ และต้องการการทำอิมัลชันเพื่อรวมเฟสเหล่านี้เข้าด้วยกัน (ซึ่งหมายความว่ามีทั้งสองเฟสอยู่และต้องการความคงตัว) ไม่แนะนำให้ใช้ Laurocapram ทั้งชนิดที่ละลายน้ำและชนิดที่ละลายน้ำมัน ตามคำแนะนำเหล่านี้ การใช้ร่วมกันหรือใช้กับสารนำพาอื่นๆ (นอกเหนือจาก 1,2-Hexanediol) อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของ Laurocapram ในฐานะสารนำพา

5. การใช้ Nano Gold

Nano Gold (Colloidal Gold 1-50nm) เป็นสารนำพาขนาดนาโนที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการนำสารออกฤทธิ์เข้าสู่ผิว เป็นของเหลวสีแดง-ชมพู-ม่วงโปร่งแสง และละลายน้ำได้ ทำให้เหมาะสำหรับการผสมในเซรั่มที่เป็นของเหลว

  • การตกตะกอน: Nano Gold อาจเกิดการรวมตัวกัน (อนุภาคใหญ่ขึ้น) ได้หากสัมผัสความร้อน หรือหากสูตรขาดความคงตัวที่เพียงพอ เช่น จากอิมัลซิไฟเออร์ แม้ว่าจะทนความร้อนได้ถึง 80°C เป็นเวลา 30 นาทีระหว่างการผสม แต่แนะนำให้เก็บรักษาอย่างเหมาะสม (ในตู้เย็น 2-5°C) และมีอิมัลซิไฟเออร์ในสูตรขั้นสุดท้ายเพื่อความคงตัวในระยะยาวและป้องกันการตกตะกอน
  • ความง่ายในการละลาย: ละลายน้ำได้และสามารถผสมได้โดยการปั่นรวมกับสารออกฤทธิ์ก่อนเติมลงในเฟสน้ำหลัก
  • ความเข้ากันได้: สามารถจับกับส่วนผสมต่างๆ ได้ อย่างไรก็ตาม ควรทดสอบความเข้ากันได้กับส่วนผสมเฉพาะในสูตรที่ซับซ้อนของคุณ (pH ต่ำ, อิเล็กโทรไลต์, สารนำพาอื่นๆ, อิมัลซิไฟเออร์) อย่างรอบคอบเพื่อให้แน่ใจในความคงตัวและประสิทธิภาพ
  • ความคุ้มค่า: ดังที่คุณกล่าวไว้ Nano Gold มีราคาแพง มูลค่าของมันอยู่ที่ศักยภาพในการเพิ่มประสิทธิภาพการนำพาและประโยชน์ที่เป็นไปได้ในการรักษาสิว/ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ความคุ้มค่าสำหรับสูตรของคุณขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพที่ต้องการและว่าประโยชน์เหล่านี้มีความสำคัญต่อเป้าหมายผลิตภัณฑ์ของคุณหรือไม่ เมื่อพิจารณาถึงต้นทุนและความท้าทายในการผสมที่อาจเกิดขึ้นในระบบที่มี pH ต่ำ มีอิเล็กโทรไลต์ และมีการทำอิมัลชัน การทดสอบอย่างละเอียดเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อยืนยันประโยชน์และความคงตัวก่อนตัดสินใจใช้

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
เครื่องสำอาง
Ethoxydiglycol (e.q. Transcutol)
Ethoxydiglycol (e.q. Transcutol)
เครื่องสำอาง
Laureth-23
Laureth-23
เครื่องสำอาง
Glycerin (USP/Food Grade)
Glycerin (USP/Food Grade)
เครื่องสำอาง
Polysorbate 80 (Tween 80)
Polysorbate 80 (Tween 80)
เครื่องสำอาง
Butylene Glycol
Butylene Glycol
เครื่องสำอาง
Silky Serum Base Plus (Face/Eye, Oil)
Silky Serum Base Plus (Face/Eye, Oil)
เครื่องสำอาง
Laurocapram (Oil Soluble)
Laurocapram (Oil Soluble)
เครื่องสำอาง
Poloxamer 407 (Powder, e.q. Pluronic F127)
Poloxamer 407 (Powder, e.q. Pluronic F127)
เครื่องสำอาง
Laurocapram (Water Soluble)
Laurocapram (Water Soluble)
เครื่องสำอาง
Isopentyldiol
Isopentyldiol
เครื่องสำอาง
Calcium Pantothenate
Calcium Pantothenate
เครื่องสำอาง
Steareth-21
Steareth-21
เครื่องสำอาง
Dimethyl Isosorbide (DMI)
Dimethyl Isosorbide (DMI)
เครื่องสำอาง
Nano Gold (Nanocarrier, Colloidal Gold 1-50nm, 100ppm)
Nano Gold (Nanocarrier, Colloidal Gold 1-50nm, 100ppm)
เครื่องสำอาง
PEG/PPG-18/18 Dimethicone (e.q. Dow 5225C)
PEG/PPG-18/18 Dimethicone (e.q. Dow 5225C)
เครื่องสำอาง
PEG-20 Methyl Glucose Sesquistearate
PEG-20 Methyl Glucose Sesquistearate
เครื่องสำอาง
Methyl Glucose Sesquistearate
Methyl Glucose Sesquistearate
เครื่องสำอาง
PEG/PPG-20/15 Dimethicone
PEG/PPG-20/15 Dimethicone
เครื่องสำอาง