การปรุงเจล/เอสเซนส์ลดริ้วรอยรอบดวงตาด้วย Argireline & Matrixyl 3000 และคำถามเรื่องคุณภาพน้ำ
คำถาม
ตอนนี้อายุ 33 ปี มีริ้วรอยเล็กๆ ใต้ตาและกำลังมีที่หางตา อยากได้ผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอยที่เป็นเจลหรือเอสเซนส์ ลักษณะผิวค่อนข้างขาดน้ำ ดูกร้านๆ บริเวณหน้าผากก็เช่นเดียวกัน
ขอถามอีกข้อเกี่ยวกับน้ำที่ใช้ในการผสมค่ะ:
- น้ำที่ใช้ควรเป็นน้ำกลั่นบริสุทธิ์ใช่ไหมคะ?
- ถ้าผสมเองตามอุปกรณ์ที่แนะนำ น้ำจะสัมผัสกับ CO2 ในอากาศและเกิดปฏิกิริยาไหมคะ?
- ต้องเติม Disodium EDTA เพิ่มเติมไหมคะ?
- แล้วถ้าใช้น้ำ
sterile water irirgation usp
ยังต้องเติมdisodium edta
เพื่อความมั่นคงอยู่ไหมคะ?
คำตอบ
การเตรียมผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอยรอบดวงตาด้วย Argireline และ Matrixyl 3000
เป็นเรื่องที่ดีมากที่คุณสนใจทำผลิตภัณฑ์บำรุงผิวด้วยตัวเองค่ะ คุณเข้าใจถูกต้องแล้วว่า Argireline (Acetyl Hexapeptide-8) เป็นสารออกฤทธิ์ที่ต้องนำไปผสมในเบสผลิตภัณฑ์ ไม่สามารถใช้ทาลงบนผิวโดยตรงได้ ซึ่ง Argireline ทำงานได้ดีเมื่อใช้ร่วมกับ Matrixyl 3000 (Pal-GHK, Pal-GQPR) เพื่อผลลัพธ์ในการลดเลือนริ้วรอยที่ครอบคลุมยิ่งขึ้นค่ะ
การทำงานร่วมกัน: Argireline ช่วยลดเลือนริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะบริเวณรอบดวงตาและหน้าผาก ส่วน Matrixyl 3000 จะช่วยกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนและส่วนประกอบอื่นๆ ที่สำคัญต่อความอ่อนเยาว์ของผิว ช่วยลดริ้วรอยและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวค่ะ
เริ่มต้นการปรุงผลิตภัณฑ์:
- เลือกเบส: เนื่องจากคุณชอบเนื้อเจลหรือเอสเซนส์ คุณสามารถเริ่มต้นได้ง่ายๆ โดยใช้เบสเจลสำเร็จรูป หรือสร้างเบสเจลขึ้นเองโดยใช้สารก่อเจล เช่น Carbomer หรือผง Hyaluronic Acid ผสมกับน้ำสะอาดค่ะ
- เติมสารออกฤทธิ์: นำ Argireline และ Matrixyl 3000 มาผสมลงในเบสของคุณ ตามอัตราส่วนที่แนะนำ:
- Argireline (Acetyl Hexapeptide-8): ใช้ในอัตรา 3-10%.
- Matrixyl 3000 (Pal-GHK, Pal-GQPR): ใช้ในอัตรา 3-5% (แนะนำที่ 3%).
- วิธีการผสม: ทั้ง Argireline และ Matrixyl 3000 ควรเติมในขั้นตอนสุดท้ายของการปรุงผลิตภัณฑ์ หลังจากที่เบสของคุณเสร็จเรียบร้อยและเย็นลงแล้ว อุณหภูมิของส่วนผสมควรต่ำกว่า 40°C ค่ะ
- การปรับค่า pH: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าค่า pH สุดท้ายของผลิตภัณฑ์อยู่ในช่วงที่แนะนำสำหรับ Argireline คือ 3.5-6.5
- สารกันเสีย: เนื่องจากผลิตภัณฑ์มีส่วนประกอบของน้ำ คุณจำเป็นต้องเติมสารกันเสียเพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ค่ะ
เกี่ยวกับน้ำและ Disodium EDTA:
- การใช้น้ำ sterile water for irrigation USP เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับส่วนของน้ำในสูตรของคุณค่ะ ตามที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ หากใช้น้ำ sterile water การเติม Disodium EDTA ก็ไม่จำเป็นอย่างเคร่งครัด แต่สามารถเติมได้โดยไม่ก่อให้เกิดอันตราย Disodium EDTA เป็นสารคีเลต (chelating agent) ที่ช่วยจับไอออนของโลหะในน้ำ ซึ่งบางครั้งอาจทำให้ส่วนผสมบางชนิดเสื่อมสภาพได้ หากคุณไม่ได้ใช้น้ำที่มีความบริสุทธิ์สูงมาก หรือวางแผนจะเก็บผลิตภัณฑ์ไว้นาน การเติม Disodium EDTA ก็ช่วยเพิ่มความเสถียรได้ค่ะ
สำหรับผิวแห้ง/ขาดน้ำ: คุณกล่าวว่าผิวของคุณรู้สึกขาดน้ำ นอกเหนือจากเปปไทด์แล้ว ลองพิจารณาเพิ่มส่วนผสมที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นลงในสูตรของคุณด้วยนะคะ เช่น Hyaluronic Acid, Glycerin หรือ Panthenol (วิตามินบี 5) เพื่อช่วยแก้ปัญหาผิวขาดน้ำค่ะ
การเริ่มต้นด้วยเบสเจลหรือเอสเซนส์ที่เรียบง่าย แล้วเติมสารออกฤทธิ์หลักเหล่านี้ในอัตราส่วนที่แนะนำ เป็นวิธีที่เหมาะสมในการเริ่มต้นการทำผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับลดริ้วรอยรอบดวงตาด้วยตัวเองค่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Acetyl Hexapeptide-8 (eq Argireline)
