การผสมสูตรเจลรอบดวงตา (เปปไทด์, B3, GlucoBright) และโทนเนอร์ EGCG
คำถาม
ดิฉันต้องการผสมสูตรผลิตภัณฑ์สองชนิด:
เจลรอบดวงตา: โดยใช้ส่วนผสมดังต่อไปนี้:
- REGU®-AGE (รหัสสินค้า: 211)
- Pep®-Eye (Acetyl Tetrapeptide-5) (รหัสสินค้า: 8181)
- Pal-GHK, Pal-GQPR (eq Matrixyl 3000) (รหัสสินค้า: 51)
- Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide) (รหัสสินค้า: 74)
- GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine) (รหัสสินค้า: 116)
- Beta Glucan (สารสกัดจาก Saccharomyces cerevisiae) (รหัสสินค้า: 221)
- Acetyl Hexapeptide-8 (eq Argireline) (รหัสสินค้า: 45)
- Acetyl Octapeptide-3 (eq. SNAP-8) (รหัสสินค้า: 8048)
ดิฉันมีคำถามหลายข้อเกี่ยวกับการผสมสูตรเจลรอบดวงตานี้:
- สามารถใช้ N-Acetyl-D-Glucosamine ร่วมกับ B3 ได้หรือไม่?
- สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ Hada Labo สำเร็จรูปเป็นเบสได้หรือไม่?
- การรวมส่วนผสมเหล่านี้เหมาะสมหรือไม่ และอาจต้องมีการปรับเปลี่ยนอะไรบ้าง?
- ลำดับการผสมที่ถูกต้องคืออย่างไร?
- มีโอกาสที่สูตรจะแยกชั้นหรือไม่เมื่อใช้เบสสำเร็จรูป?
- สามารถใช้ Matrixyl ร่วมกับ Argireline หรือ SNAP-8 ได้หรือไม่?
โทนเนอร์ EGCG: โดยใช้ Hi-EGCG™ (สารสกัดจากชาเขียว) (รหัสสินค้า: 729)
ดิฉันมีคำถามเกี่ยวกับการผสมสูตรโทนเนอร์ EGCG:
- จะคำนวณปริมาณที่ต้องใช้สำหรับสูตร 100g ได้อย่างไร โดยเว็บไซต์ระบุว่ามีความเข้มข้น "20%"?
- มีปัญหาความเข้ากันได้ที่ควรทราบหรือไม่?
- Hi-EGCG™ สามารถละลายน้ำได้หรือไม่?
ขอคำแนะนำเกี่ยวกับคำถามการผสมสูตรเหล่านี้ค่ะ
คำตอบ
ข้อมูลเกี่ยวกับการผสมเจลรอบดวงตาและโทนเนอร์ EGCG ของคุณ
ขอขอบคุณสำหรับคำถามโดยละเอียดเกี่ยวกับการผสมเจลรอบดวงตาและโทนเนอร์ EGCG จากข้อมูลรายละเอียดผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ นี่คือข้อมูลเกี่ยวกับส่วนผสมที่คุณกล่าวถึง:
ส่วนผสมสำหรับเจลรอบดวงตา
- REGU®-AGE (รหัสสินค้า: 211): ส่วนผสมนี้ออกแบบมาเพื่อช่วยลดรอยคล้ำและอาการบวมรอบดวงตา และช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น แนะนำให้ใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลรอบดวงตาที่อัตรา 2-5%
- Pep®-Eye (Acetyl Tetrapeptide-5) (รหัสสินค้า: 8181): เพปไทด์นี้เป็นที่นิยมสำหรับผลิตภัณฑ์รอบดวงตา และแสดงให้เห็นว่าช่วยยับยั้งกระบวนการไกลเคชั่น (สาเหตุหนึ่งของถุงใต้ตา) และการซึมผ่านของหลอดเลือด (สาเหตุหลักของรอยคล้ำใต้ตา) อัตราการใช้ที่แนะนำคือ 1-5% (แนะนำ 3%)
- Pal-GHK, Pal-GQPR (eq Matrixyl 3000) (รหัสสินค้า: 51): เพปไทด์ผสมนี้ช่วยกระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจน ลดริ้วรอย และเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว แนะนำให้ใช้ที่อัตรา 3-5% (แนะนำ 3%)
- Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide) (รหัสสินค้า: 74): วิตามินบี 3 มีประโยชน์ต่อผิว โดยเฉพาะการลดริ้วรอย ลดรอยแดง/รอยดำ (hyperpigment) เพิ่มความชุ่มชื้น โดยกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนและเซราไมด์ และยังทำให้ผิวแข็งแรง ต่อสู้กับการระคายเคืองได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดความมันบนใบหน้าได้ เหมาะสำหรับผิวที่เป็นสิว และสามารถใช้เพื่อแก้ไขรอยคล้ำรอบดวงตาได้ แนะนำให้ใช้ที่อัตรา 1-10% (แนะนำ 5% สำหรับชนิด Safe-B3 สามารถใช้ได้ถึง 10% โดยไม่ทำให้เกิดอาการแดง)
- GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine) (รหัสสินค้า: 116): ส่วนผสมนี้ทำงานได้ดีเมื่อใช้ร่วมกับ Vitamin B3 (Niacinamide) เพื่อช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดจุดด่างดำ และกระตุ้นการสร้าง Hyaluronic Acid ตามธรรมชาติ ทำให้ผิวอ่อนนุ่ม ชุ่มชื้น และช่วยลดริ้วรอยได้ แนะนำให้ใช้ที่อัตรา 1-8% (แนะนำ 4% เมื่อใช้ร่วมกับ Niacinamide 2-4%)
- Beta Glucan (สารสกัดจาก Saccharomyces cerevisiae) (รหัสสินค้า: 221): ส่วนผสมนี้ช่วยปกป้องผิวจากการระคายเคือง ลดริ้วรอย เพิ่มความยืดหยุ่น และเสริมเกราะป้องกันผิว แนะนำให้ใช้ที่อัตรา 1-10% (3% สำหรับผิวปกติ หรือ 5% สำหรับผิวที่ระคายเคือง/แพ้ง่าย)
- Acetyl Hexapeptide-8 (eq Argireline) (รหัสสินค้า: 45) และ Acetyl Octapeptide-3 (eq. SNAP-8) (รหัสสินค้า: 8048): เพปไทด์เหล่านี้ทำงานโดยการลดการหดตัวของกล้ามเนื้อเพื่อช่วยลดริ้วรอย โดยเฉพาะริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า Argireline แนะนำให้ใช้ที่อัตรา 3-10% ส่วน SNAP-8 อธิบายว่ามีคุณสมบัติคล้าย Argireline แต่มีประสิทธิภาพมากกว่า แนะนำให้ใช้ที่อัตรา 3-10% เช่นกัน Matrixyl (รหัสสินค้า: 51) สามารถใช้ร่วมกับ Argireline ได้
คำตอบสำหรับคำถามเกี่ยวกับเจลรอบดวงตาของคุณ:
- N-Acetyl-D-Glucosamine กับ B3: ใช่ค่ะ จากข้อมูลรายละเอียดของ GlucoBright (Acetyl Glucosamine) แนะนำให้ใช้ร่วมกับ Vitamin B3 (Niacinamide) เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการปรับสีผิวให้กระจ่างใสและลดจุดด่างดำ
- การใช้ Hada Labo เป็นเบส: ส่วนผสมส่วนใหญ่ที่คุณระบุมาสามารถละลายน้ำได้หรือกระจายตัวในน้ำได้ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเบสเป็นน้ำอย่าง Hada Labo เป็นพื้นฐานในการผสมส่วนผสมเหล่านี้โดยทั่วไปสามารถทำได้ อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์ผลลัพธ์ที่แน่นอน ความเสถียร หรือโอกาสในการแยกชั้นในการผสมสูตรเองกับผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปนั้นเป็นเรื่องยากหากไม่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านและการทดสอบ โดยทั่วไป ส่วนผสมเหล่านี้ควรผสมลงในเฟสน้ำที่อุณหภูมิต่ำกว่า 40°C
- ความเหมาะสมของสูตรและการปรับเปลี่ยน: การรวมกันของส่วนผสมที่คุณเลือกมีเป้าหมายในการดูแลปัญหารอยคล้ำใต้ตา อาการบวม และริ้วรอย โดยใช้กลไกที่หลากหลาย (ปรับปรุงการไหลเวียน กระตุ้นคอลลาเจน ลดการหดตัวของกล้ามเนื้อ ลดการสร้างเม็ดสี ให้ความชุ่มชื้น และเสริมเกราะป้องกันผิว) จากคุณสมบัติของส่วนผสมแต่ละตัวตามที่อธิบายไว้ สูตรนี้มีการใช้สารออกฤทธิ์ที่ทราบกันว่าช่วยจัดการกับปัญหาที่คุณกังวล อย่างไรก็ตาม ดิฉันไม่สามารถยืนยันความเข้มข้นที่เหมาะสมที่สุดหรือประสิทธิภาพโดยรวมของสูตรที่คุณผสมเองได้ การปรับเปลี่ยนโดยทั่วไปจะเกี่ยวข้องกับการปรับสมดุลความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์ตามประสิทธิภาพที่ต้องการและโอกาสในการระคายเคือง พร้อมทั้งต้องมั่นใจในความเสถียรโดยรวมของสูตรด้วย
- ลำดับการผสม: โดยทั่วไป ส่วนผสมที่ละลายน้ำได้จะถูกละลายในเฟสน้ำ สารออกฤทธิ์หลายชนิด เช่น เพปไทด์และสารสกัด จะถูกเติมในขั้นตอนสุดท้ายที่อุณหภูมิต่ำกว่า 40°C ลำดับการผสมที่เฉพาะเจาะจงอาจขึ้นอยู่กับสูตรโดยรวมและคุณสมบัติของส่วนผสม แต่การเติมผง/ของเหลวที่ละลายแล้วลงในเบสและผสมเบาๆ เป็นวิธีที่นิยมใช้
- การแยกชั้น: ดังที่กล่าวไป การใช้เบสสำเร็จรูปอย่าง Hada Labo และการเติมสารออกฤทธิ์หลายชนิดในความเข้มข้นที่ค่อนข้างสูง อาจนำไปสู่ปัญหาความเสถียรหรือการแยกชั้น แม้ว่าการเขย่าก่อนใช้จะช่วยได้ แต่ก็ไม่ได้รับประกันว่าสารออกฤทธิ์จะกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอหรือคงตัวในระยะยาว นี่เป็นความท้าทายที่พบบ่อยในการผสมสูตรเอง
- Matrixyl กับ Argireline หรือ SNAP-8: ข้อมูลรายละเอียดของ Matrixyl กล่าวว่าสามารถใช้ร่วมกับ Argireline ได้ ส่วน SNAP-8 ถูกนำเสนอว่าเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพมากกว่า Argireline การเพิ่มส่วนผสมใดส่วนผสมหนึ่งเข้าไปอาจช่วยเสริมประสิทธิภาพในการลดริ้วรอยโดยการลดการหดตัวของกล้ามเนื้อ นอกเหนือจากผลของ Matrixyl ในการกระตุ้นคอลลาเจน
การผสมโทนเนอร์ EGCG
- Hi-EGCG™ (สารสกัดจากชาเขียว) (รหัสสินค้า: 729): ส่วนผสมนี้มี EGCG ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยป้องกันความเสียหายของเซลล์ ฟื้นฟูผิวจากรังสี UV ลดสิวโดยควบคุมความมันและการอักเสบ และเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว อัตราการใช้ที่แนะนำคือ 1-5% สามารถละลายน้ำได้
คำตอบสำหรับคำถามเกี่ยวกับ EGCG ของคุณ:
- การคำนวณสำหรับ 100g: ในการคำนวณปริมาณส่วนผสมที่ต้องการในน้ำหนักรวม 100g ตามเปอร์เซ็นต์ที่ต้องการ คุณจะต้องคูณเปอร์เซ็นต์ที่ต้องการ (ในรูปทศนิยม) ด้วยน้ำหนักรวม ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการ EGCG 2% ใน 100g คุณจะต้องใช้ส่วนผสม EGCG 0.02 * 100g = 2g อย่างไรก็ตาม "20%" ที่กล่าวถึงบนเว็บไซต์น่าจะหมายถึงความเข้มข้นของ EGCG ภายใน วัตถุดิบนั้นๆ (เช่น Hi-EGCG™ มี EGCG อย่างน้อย 3% ส่วน Pure-EGCG™ มี 98%) คุณควรใช้อัตราการใช้ที่แนะนำสำหรับผลิตภัณฑ์ EGCG ที่คุณมี (เช่น 1-5% สำหรับ Hi-EGCG™) และคำนวณจากเปอร์เซ็นต์นั้นของน้ำหนักสูตรทั้งหมด 100g
- ความเข้ากันได้: ข้อมูลรายละเอียดของ Hi-EGCG™ แนะนำให้ใช้ ActiveProtec™ OX ที่ 1% ในสูตรเพื่อช่วยป้องกันไอออนของโลหะทำลายคุณภาพของ EGCG และระบุว่าสูตรไม่ควรมี Vitamin E ทุกชนิด ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปควรได้รับการปกป้องจากแสง (เช่น บรรจุในขวดทึบแสง)
- การละลาย: ใช่ค่ะ ข้อมูลรายละเอียดของ Hi-EGCG™ ระบุว่าสามารถละลายน้ำได้ โดยทั่วไปคุณสามารถเติมปริมาณที่ต้องการลงในเฟสน้ำของโทนเนอร์และผสมจนละลายได้เลย
โปรดทราบว่า แม้ว่าดิฉันจะสามารถให้ข้อมูลตามรายละเอียดผลิตภัณฑ์ได้ แต่ไม่สามารถให้คำแนะนำเฉพาะเจาะจงสำหรับการสร้างหรือแก้ไขปัญหาในการผสมสูตรเครื่องสำอางเองได้ การผสมสูตรเองต้องพิจารณาอย่างรอบคอบถึงความเข้ากันได้ของส่วนผสม ความเสถียร การเก็บรักษา และความปลอดภัย ซึ่งมักต้องอาศัยความรู้เฉพาะทางและการทดสอบ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Acetyl Hexapeptide-8 (eq Argireline)

Pal-GHK, Pal-GQPR (eq Matrixyl 3000)

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)

GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)

REGU®-AGE

Beta Glucan (Saccharomyces cerevisiae extract)

Hi-EGCG™ (Green Tea Extract)

Acetyl Octapeptide-3 (eq. SNAP-8)
