คำแนะนำในการผสมสูตร

สำหรับสูตรและคำถามของคุณ:

1. Myoisonitol กับ Rice Vitamin: ทั้ง Myoisonitol (Inositol Vitamin B8) และ Rice Vitamin (Inositol, Vitamin B8) มีส่วนประกอบหลักคือ Inositol (Vitamin B8) และเป็นผงที่ละลายน้ำได้ จากคำอธิบายของผลิตภัณฑ์ ทั้งสองชนิดดูเหมือนจะสามารถใช้แทนกันได้เพื่อให้ประโยชน์ของ Vitamin B8 ในสูตรที่เป็นเบสของน้ำ คุณน่าจะสามารถใช้ Myoisonitol ที่คุณซื้อมาได้

2. ความเข้ากันได้ของส่วนผสม: โปรดทราบว่ามีส่วนผสมที่ไม่เข้ากันอย่างมากในสูตรของคุณคือ Copper Peptide และ ActiveProtec™ OX คำอธิบายสำหรับ Copper Peptide ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าห้ามใช้ร่วมกับ Disodium EDTA เนื่องจากจะลดประสิทธิภาพของ Copper Peptide และ ActiveProtec™ OX มีส่วนประกอบของ Disodium EDTA ดังนั้น ส่วนผสมสองชนิดนี้ไม่ควรใช้ร่วมกันในสูตรเดียวกัน คุณควรเลือกที่จะตัด Copper Peptide หรือ ActiveProtec™ OX ออกจากสูตร

3. วิธีการผสมด้วยเครื่องปั่นมือ (Hand Blender): ใช่ คุณสามารถใช้เครื่องปั่นมือในการผสมสูตรนี้ได้ แต่มีข้อควรพิจารณาบางประการ:

   • ช่วงน้ำ (Water Phase): ผสมน้ำกลั่นเข้ากับส่วนผสมที่ละลายน้ำได้ เช่น Safe-B3™, WaterLock™, Myoisonitol (หรือ Rice Vitamin), Laurocapram และ ActiveProtec™ OX (หากคุณเลือกที่จะใส่ โดยคำนึงถึงความไม่เข้ากันที่กล่าวไว้ข้างต้น) ใช้เครื่องปั่นมือด้วยความเร็วต่ำเพื่อช่วยละลายผง (Safe-B3™, Myoisonitol, ActiveProtec™ OX) และผสมส่วนผสมที่เป็นของเหลว หลีกเลี่ยงความเร็วสูงที่อาจทำให้เกิดฟองมากเกินไป
   • การเติม Skin-Barrier™: เติม Skin-Barrier™ ลงในส่วนน้ำและปั่นเบาๆ จนกระจายตัว สารนี้จะทำให้ส่วนผสมขุ่นหรือกึ่งโปร่งใส
   • ช่วงลดอุณหภูมิ (Cool Down Phase): เมื่อส่วนผสมเย็นลงต่ำกว่า 40°C ให้ค่อยๆ เติมส่วนผสมที่ไวต่อความร้อน: Pitera, Matrixyl 3000, Copper Peptide (หากใส่) และ Repair Activator™ (เขย่า Repair Activator™ ให้เข้ากันก่อนเติม) คุณสามารถใช้เครื่องปั่นมือด้วยความเร็วต่ำมาก หรือเปลี่ยนไปใช้การคนเบาๆ เพื่อผสมส่วนผสมเหล่านี้โดยไม่ทำให้เกิดฟองมากเกินไป
   • การเติมขั้นสุดท้าย: เติม Mild Preserved Eco™ และคนเบาๆ จนเข้ากันดี อาจต้องใช้เวลาปั่นสองสามนาทีเพื่อให้ใสหรือกระจายตัวเต็มที่

   การใช้เครื่องปั่นมือมีประสิทธิภาพในการทำให้ส่วนผสมเข้ากันได้ดี แต่ควรใช้ความเร็วต่ำที่สุดเท่าที่จำเป็นเพื่อลดการเกิดฟอง ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อความเสถียรและลักษณะของเซรั่มได้

4. การปรับค่า pH: หลังจากผสมแล้ว สิ่งสำคัญคือต้องตรวจสอบและปรับค่า pH สุดท้ายของสูตรของคุณ Copper Peptide ต้องการค่า pH ระหว่าง 4.5 ถึง 7.4 เพื่อความเสถียร Safe-B3™ เหมาะสมที่ 4.0-7.0 Repair Activator™ มีค่า pH 4-5.5 Mild Preserved Eco™ ทำงานได้ดีในช่วง 4-9 ActiveProtec™ OX ต้องการค่า pH > 4 การตั้งเป้าหมายค่า pH ระหว่าง 4.5 ถึง 5.5 จะเหมาะสมที่สุดเพื่อให้แน่ใจว่าส่วนผสมส่วนใหญ่มีความเสถียรและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะ Copper Peptide และ Repair Activator™

โดยสรุป คุณสามารถใช้เครื่องปั่นมือในการผสมได้ แต่โปรดระวังเรื่องความไม่เข้ากันของส่วนผสมและอุณหภูมิในการผสมสำหรับสารออกฤทธิ์บางชนิด ควรตรวจสอบค่า pH สุดท้ายเสมอ