การผสม BHA และ DMAE ในเซรั่ม: ปัญหา pH และความเสถียร

ถามโดย: tria_zzzz เมื่อ: September 22, 2013 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

สามารถใส่ DMAE ลงในซีรั่ม BHA 2% ตามสูตรที่ทางทีมงานมีให้ แล้วค่อยใช้ TEA ปรับ pH ให้อยู่ที่ 3.6 ได้หรือไม่?

คำตอบ

การผสม BHA (Salicylic Acid) และ DMAE ในเซรั่มสูตรเดียวกัน โดยปรับค่า pH ให้อยู่ที่ 3.6 นั้นมีความท้าทายหลายประการ เนื่องจากคุณสมบัติทางเคมีของส่วนผสมเหล่านี้

มีข้อควรพิจารณาดังนี้:

  • BHA (Salicylic Acid): เพื่อให้ BHA มีประสิทธิภาพในการผลัดเซลล์ผิวและซึมเข้าสู่ผิวได้ดี จะต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นกรด โดยทั่วไปค่า pH ที่เหมาะสมจะอยู่ในช่วง 3 ถึง 4 ค่า pH 3.6 ถือว่าเหมาะสมสำหรับ BHA
  • DMAE (Dimethylaminoethanol): DMAE เป็นสารกลุ่มเอมีน ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นเบส โดยทั่วไปจะมีความเสถียรและมีประสิทธิภาพดีที่สุดที่ค่า pH ที่สูงกว่า ซึ่งมักจะอยู่ในช่วงเป็นกลางถึงด่างเล็กน้อย (ประมาณ pH 6-8)
  • การผสมกรดกับเบส: เมื่อคุณผสมส่วนผสมที่เป็นกรดอย่าง BHA กับส่วนผสมที่เป็นเบสอย่าง DMAE ทั้งสองจะทำปฏิกิริยากันและเกิดการสะเทิน ซึ่งจะทำให้ค่า pH ของสารละลายสูงขึ้น
  • การคงค่า pH ที่ 3.6: การเติม DMAE ลงในสารละลาย BHA ที่เป็นกรดจะทำให้ค่า pH สูงขึ้น การที่จะปรับค่า pH ให้ ลดลง กลับมาที่ 3.6 จะต้องใช้กรด ไม่ใช่ TEA TEA (Triethanolamine) ก็เป็นเบสเช่นกัน และใช้เพื่อ เพิ่ม ค่า pH ของสารละลาย การใช้ TEA หลังจากเติม DMAE จะยิ่งทำให้ค่า pH สูงขึ้นไปอีก ซึ่งจะทำให้ค่า pH ห่างจากค่า 3.6 ที่จำเป็นสำหรับ BHA
  • ความเสถียรและประสิทธิภาพของส่วนผสม: แม้ว่าคุณจะสามารถคงค่า pH ไว้ที่ 3.6 ได้ แต่ DMAE ซึ่งเป็นเบส อาจจะไม่เสถียรหรือไม่แสดงประสิทธิภาพสูงสุดที่ค่า pH ที่ต่ำเช่นนี้ ค่า pH ที่ต่ำซึ่งจำเป็นสำหรับ BHA นั้นไม่เหมาะสมสำหรับ DMAE
  • ความเสถียรของสูตร: การผสมส่วนผสมที่มีช่วงค่า pH ที่เหมาะสมแตกต่างกันมาก อาจนำไปสู่ปัญหาความไม่เสถียรของสูตร เช่น การตกตะกอน ความขุ่น หรือการเสื่อมสภาพของสารออกฤทธิ์เมื่อเวลาผ่านไป

ดังนั้น แม้ว่าคุณจะสามารถผสมส่วนผสมเหล่านี้เข้าด้วยกันได้ทางกายภาพ แต่โดยทั่วไป ไม่แนะนำ ให้ผสม BHA และ DMAE ในสูตรเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องการควบคุมค่า pH ให้ต่ำตามที่จำเป็นสำหรับ BHA เนื่องจากเป็นเรื่องยากมากที่จะรับรองความเสถียรและประสิทธิภาพของส่วนผสมทั้งสองได้พร้อมกันที่ค่า pH 3.6.

จะเป็นการดีกว่าที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมเหล่านี้แยกกัน หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาสูตรเครื่องสำอาง ซึ่งสามารถออกแบบระบบสูตรที่ซับซ้อนเพื่อรองรับส่วนผสมที่มีความต้องการค่า pH ที่แตกต่างกันได้ ซึ่งมักจะเป็นเรื่องที่ท้าทาย.