การผสม Hyaluronic Acid, Ferulic Acid และ Vitamin C ในสูตรสกินแคร์ DIY: ความท้าทายและวิธีการ

ถามโดย: gunandgun112 เมื่อ: December 01, 2012 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

ต้องการผสม Hyaluronic Acid, Ferulic Acid และ Vitamin C เพื่อทำผลิตภัณฑ์สกินแคร์ใช้เอง มีวิธีการผสมอย่างไรบ้าง มีความท้าทายอะไรในการผสมสารเหล่านี้ และต้องพิจารณาอะไรบ้างเพื่อให้ได้สูตรที่คงตัวและมีประสิทธิภาพ?

โดยส่วนผสมที่ต้องการใช้คือ:

  • Hyaluronic Acid
  • Pure-Ferulic Acid™
  • Vitamin C (L-Ascorbic Acid)

คำตอบ

การผสมส่วนผสมสำหรับผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เช่น Hyaluronic Acid, Ferulic Acid และ Vitamin C จำเป็นต้องพิจารณาคุณสมบัติเฉพาะของแต่ละสารเพื่อให้ได้สูตรที่มีประสิทธิภาพและคงตัวค่ะ

โดยทั่วไปแล้ว การผสมส่วนผสมเหล่านี้เข้าด้วยกันมีความซับซ้อน เนื่องจากแต่ละสารมีข้อกำหนดในการละลาย ความคงตัว และค่า pH ที่แตกต่างกัน:

  • Hyaluronic Acid: มักจะอยู่ในรูปผงที่ต้องนำไปละลายในน้ำเพื่อสร้างเนื้อเจลหรือสารละลาย ซึ่งอาจใช้เวลาและต้องใช้เครื่องมือช่วยในการละลายให้เข้ากันดี นอกจากนี้ สารละลาย Hyaluronic Acid จำเป็นต้องมีสารกันเสียเพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
  • Ferulic Acid: หากเป็น Pure-Ferulic Acid™ ในรูปผง จะไม่ละลายในน้ำโดยตรง แต่ต้องละลายในตัวทำละลายบางชนิด เช่น Ethoxydiglycol (EDG) หรือเอทานอล อย่างไรก็ตาม หากเป็น Micromul™ Ferulic Acid จะอยู่ในรูปของเหลวที่สามารถละลายในน้ำได้โดยตรง
  • Vitamin C: มีหลายรูปแบบ แต่รูปแบบที่บริสุทธิ์ที่สุดคือ L-Ascorbic Acid ซึ่งมักอยู่ในรูปผง L-Ascorbic Acid ไม่คงตัวในน้ำและเสื่อมสภาพได้ง่ายเมื่อสัมผัสกับอากาศ แสง หรือความร้อน เพื่อให้มีประสิทธิภาพและคงตัวในสูตร L-Ascorbic Acid ต้องการค่า pH ที่ต่ำมาก (ประมาณ 2.0-4.0) ซึ่งอาจทำให้ระคายเคืองผิวได้ง่าย Vitamin C ในรูปแบบอื่น เช่น Ethyl Ascorbic Acid หรือ Sodium Ascorbyl Phosphate (SAP) จะมีความคงตัวมากกว่าและละลายน้ำได้ แต่ก็มีช่วงค่า pH ที่เหมาะสมแตกต่างกันไป (Ethyl Ascorbic Acid ที่ pH 3.5-6.0, SAP ที่ pH 7-9)

การนำสารทั้งสามชนิดนี้มาผสมรวมกันในสูตรเดียวจึงเป็นเรื่องที่ท้าทาย เนื่องจาก:

  • L-Ascorbic Acid ต้องการค่า pH ต่ำ ในขณะที่ Hyaluronic Acid และ SAP ทำงานได้ดีในช่วง pH ที่สูงกว่า
  • Pure-Ferulic Acid™ ไม่ละลายในน้ำ ซึ่งเป็นตัวทำละลายหลักของ Hyaluronic Acid และ Vitamin C บางรูปแบบ

หากต้องการผสมใช้เองที่บ้าน ควรทำความเข้าใจคุณสมบัติของสารแต่ละชนิดที่คุณมีอย่างละเอียด (เช่น Vitamin C ที่มีเป็น L-Ascorbic Acid หรืออนุพันธ์อื่น และ Ferulic Acid ที่มีเป็นแบบผง Pure-Ferulic Acid™ หรือแบบ Micromul™ ที่ละลายน้ำได้) และศึกษาคู่มือการใช้งานของสารแต่ละตัวอย่างเคร่งครัด

โดยทั่วไป อาจเริ่มต้นจากการเตรียมสารละลาย Hyaluronic Acid ก่อน จากนั้นจึงเตรียมสารละลายของ Vitamin C และ Ferulic Acid แยกกัน โดยใช้ตัวทำละลายที่เหมาะสม (น้ำสำหรับ Hyaluronic Acid, Ethyl Ascorbic Acid, SAP, Micromul™ Ferulic Acid; ตัวทำละลายอื่นสำหรับ Pure-Ferulic Acid™) และปรับค่า pH ให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมสำหรับ Vitamin C ที่ใช้ ก่อนจะนำสารละลายทั้งหมดมาผสมรวมกันอย่างระมัดระวัง และต้องเติมสารกันเสียในปริมาณที่เหมาะสม

เนื่องจากความซับซ้อนในการผสมเพื่อให้ได้สูตรที่คงตัวและมีประสิทธิภาพ นี่คือเหตุผลที่ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่มีส่วนผสมเหล่านี้ (เช่น เซรั่ม Vitamin C E Ferulic) มักต้องอาศัยเทคนิคและส่วนผสมพิเศษในการผลิต การผสมเองที่บ้านโดยไม่มีความรู้และอุปกรณ์ที่เหมาะสม อาจทำให้สารออกฤทธิ์เสื่อมสภาพเร็วหรือไม่ได้ผลเท่าที่ควร

หากคุณเพิ่งเริ่มต้น อาจพิจารณาใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมเหล่านี้อยู่แล้ว หรือเริ่มต้นจากการผสมส่วนผสมที่เข้ากันได้ง่ายกว่าก่อนค่ะ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin C E Ferulic
Vitamin C E Ferulic
เครื่องสำอาง
Hyaluronic Acid (Standard Molecule)
Hyaluronic Acid (Standard Molecule)
เครื่องสำอาง
Hyaluronic Acid (Small Molecule)
Hyaluronic Acid (Small Molecule)
เครื่องสำอาง
Pure-Ferulic Acid™
Pure-Ferulic Acid™
เครื่องสำอาง
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
เครื่องสำอาง
Sodium Ascorbyl Phosphate (Vitamin C SAP, e.q. Stay C50)
Sodium Ascorbyl Phosphate (Vitamin C SAP, e.q. Stay C50)
เครื่องสำอาง
Hyaluronic Acid Gel Base
Hyaluronic Acid Gel Base
เครื่องสำอาง
Micromul™ Ferulic Acid (Microemulsion Ferulic Acid)
Micromul™ Ferulic Acid (Microemulsion Ferulic Acid)
เครื่องสำอาง