การผสมวิตามินซีอนุพันธ์ในสูตร

ที่คุณประสบปัญหาในการละลาย Magnesium Ascorbyl Phosphate (MAP) ที่ความเข้มข้น 8% นั้นเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ค่ะ เนื่องจากความเข้มข้นที่เกิน 8% อาจทำให้ละลายยาก การลดความเข้มข้นลงเหลือ 5% ควรจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ค่ะ

สำหรับคำถามเกี่ยวกับการลด MAP ลงและเพิ่ม Ethyl Ascorbic Acid เข้าไปแทน รวมถึงการใช้ร่วมกันนั้น โดยทั่วไปไม่แนะนำ ให้ผสม Magnesium Ascorbyl Phosphate และ Ethyl Ascorbic Acid ในสูตรเดียวกันค่ะ

เหตุผลคือ:

• Magnesium Ascorbyl Phosphate (MAP) มีความเสถียรและประสิทธิภาพสูงสุดในช่วง pH ที่เป็นด่าง คือระหว่าง pH 7 ถึง 9
• Ethyl Ascorbic Acid มีความเสถียรและประสิทธิภาพสูงสุดในช่วง pH ที่เป็นกรดมากกว่า คือระหว่าง pH 3.5 ถึง 6.0

การสร้างสูตรที่สามารถรักษาสภาพ pH ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสารทั้งสองชนิดพร้อมกันนั้นเป็นไปได้ยาก การผสมทั้งสองชนิดเข้าด้วยกันที่ pH ที่เป็นค่ากลางระหว่างช่วงที่เหมาะสมของทั้งคู่ มีแนวโน้มที่จะลดความเสถียรและประสิทธิภาพของอนุพันธ์วิตามินซีทั้งสองชนิดลงค่ะ

แม้ว่าส่วนผสมอื่นๆ ในสูตรที่คุณเสนอ เช่น Panthenol (วิตามินบี 5) และ Hyaluronic Acid จะมีความเสถียรในช่วง pH ที่กว้างกว่า (Panthenol pH 3.5-7.0, Hyaluronic Acid pH 3.0-9.0) แต่ความไม่เข้ากันของวิตามินซีทั้งสองรูปแบบถือเป็นข้อควรพิจารณาหลักค่ะ

ดังนั้น แทนที่จะใช้ทั้งสองชนิดร่วมกัน ควรเลือกใช้วิตามินซีอนุพันธ์เพียงชนิดเดียวที่เหมาะสมกับเป้าหมายของสูตรและค่า pH ที่ต้องการ หากคุณชื่นชอบคุณสมบัติและการละลายของ Ethyl Ascorbic Acid การใช้เพียงชนิดเดียวที่ความเข้มข้นที่เหมาะสม (เช่น 3% ตามที่คุณเสนอ หรือสูงสุดถึง 10%) ในสูตรที่ปรับ pH ให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสม (3.5-6.0) จะมีความเสถียรและมีประสิทธิภาพมากกว่า หากคุณชื่นชอบ MAP ให้ใช้เพียงชนิดเดียวที่ความเข้มข้นที่ละลายได้ดี (เช่น 5% หรือสูงสุดถึง 8% ด้วยวิธีการละลายที่เหมาะสม) ในสูตรที่ปรับ pH ให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสม (7-9) ค่ะ