การพัฒนาสูตรครีมทาผิวกายสำหรับผิวแห้งมาก (แก้ปัญหาความเหนอะหนะ)

สวัสดีค่ะ

ขอบคุณสำหรับคำถามและสูตรที่ให้มานะคะ ดิฉันได้ตรวจสอบคำถามของคุณและคำตอบจากทีมงานแล้วค่ะ นี่คือสรุปคำตอบสำหรับคำถามของคุณและคำแนะนำสำหรับการปรับปรุงสูตรครีมสำหรับผิวแห้งมากของคุณค่ะ

สำหรับคำถามของคุณ:

1. สำหรับสูตรที่ 1, Silicone Quick-Cond 2% ละลายในน้ำ ผสมลงในส่วนของ Water Phase ใช่ไหมคะ?
   • ใช่ค่ะ ถูกต้องแล้วค่ะ
2. สำหรับสูตรที่ 2, Silicone Blend (Heavy & Silky) 10% ผสมในส่วนของ Oil Phase ใช่ไหมคะ?
   • ใช่ค่ะ ถูกต้องแล้วค่ะ
3. Silicone Blend (Heavy & Silky) 10% สามารถใช้ Satin Cream Maker ผสานเป็นเนื้อครีมได้ใช่ไหมคะ?
   • ใช่ค่ะ สามารถทำได้ค่ะ
4. ถ้าทำออกมาแล้ว ความหนืดของครีมไม่เพียงพอ สามารถใส่ Satin Cream Maker เกิน 2% ได้ไหมคะ หรือว่าให้เติมสารตัวไหนดี?
   • ขึ้นอยู่กับลักษณะเนื้อที่คุณต้องการค่ะ หากต้องการให้เนื้อข้นและมีน้ำหนักมากขึ้น สามารถเพิ่ม Cetearyl Alcohol 5% โดยละลายในส่วนของน้ำมันค่ะ แต่หากต้องการเพียงแค่ให้เนื้อมีความข้นขึ้นโดยไม่ได้หนักขึ้น ก็สามารถเพิ่มปริมาณ Satin Cream Maker ได้ค่ะ ทีมงานแนะนำว่าโดยทั่วไปแล้ว Satin Cream Maker ที่ 1-1.5% ก็เพียงพอค่ะ

สำหรับความตั้งใจที่อยากได้ครีมที่ให้ความชุ่มชื้นมีน้ำมันเคลือบผิว แต่ไม่เหนียวเหนอะหนะ:

ทีมงานแนะนำว่าสาเหตุของความเหนียวเหนอะหนะที่คุณเคยเจอ อาจมาจากการใช้ Vitamin B5 และ Vitamin E ในปริมาณสูงค่ะ ทีมงานแนะนำการปรับเปลี่ยนส่วนผสมดังนี้ เพื่อให้เหมาะกับผิวแห้งมากและลดความเหนียวเหนอะหนะ:

• เพิ่ม MOIST24 5% ในส่วนของ Water Phase
• ลด Vitamin B5 (Panthenol) เหลือ 2-3% (การใช้ 5% อาจทำให้รู้สึกเหนอะผิว)
• พิจารณาเพิ่ม Water-Film™ (Galactoarabinan) 3% (หมายเหตุ: ตัวนี้ต้องใช้เครื่องปั่นในการผสม)
• ลด Vitamin E (Tocopheryl Acetate) เหลือไม่เกิน 0.5% (การใช้ปริมาณสูงทำให้เหนอะหนะผิว)
• ยกเลิก Fractional Coconut Oil และเพิ่ม Shea Butter 5% แทน (Fractional Coconut Oil บางเบาเกินไปไม่เหมาะสำหรับผิวที่แห้งมาก Shea Butter จะให้การเคลือบผิวที่ดีกว่าค่ะ)
• โดยทั่วไปแล้ว Satin Cream Maker ที่ 1-1.5% ก็เพียงพอค่ะ

การปรับเปลี่ยนเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อให้ครีมให้ความชุ่มชื้นได้ดีขึ้นสำหรับผิวแห้งมาก พร้อมทั้งลดความรู้สึกเหนียวเหนอะหนะค่ะ