การพัฒนาสูตรครีมทาส้นเท้าแตกและลิปกลอส

ถามโดย: suvi.apple เมื่อ: April 14, 2016 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

มีคำถามเกี่ยวกับการทำเครื่องสำอาง 2 ข้อค่ะ:

  1. สูตรครีมทาส้นเท้าแตก ต้องเตรียมส่วนประกอบอะไรบ้างคะ และมีวิธีผสมอย่างไร ทางเจ้าหน้าที่แนะนำ glycolic acid 5-10% และ Urea 10-15%
  2. Vit E ตัวไหนบ้าง ที่นำมาใส่เพื่อทำลิปกลอส และมีสารตัวไหนที่ลดปากสีดำคล้ำได้

คำตอบ

ส่วนประกอบและวิธีผสมครีมทาส้นเท้าแตก

สำหรับการทำครีมทาส้นเท้าแตก ส่วนประกอบสำคัญที่ควรพิจารณา ได้แก่ ไกลโคลิก แอซิด (Glycolic Acid) และ ยูเรีย (Urea)

  • ไกลโคลิก แอซิด (AHA): ส่วนประกอบนี้ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ซึ่งเป็นประโยชน์ในการรักษาสภาพผิวที่หนาและแตกบริเวณส้นเท้า โดยทั่วไปใช้ที่ความเข้มข้น 5-10% ในสูตรสำหรับส้นเท้าแตก ไกลโคลิก แอซิด (รูปแบบผง) ควรผสมในส่วนของน้ำในสูตร หลีกเลี่ยงการให้ความร้อนสูงกว่า 60°C เพราะอาจทำให้ส่วนประกอบเสื่อมสภาพได้ ค่า pH สุดท้ายของครีมควรอยู่ที่ต่ำกว่า 4.0 เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด อย่างไรก็ตาม สำหรับผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภค องค์การอาหารและยาแนะนำว่าค่า pH ไม่ควรต่ำกว่า 3.5 และความเข้มข้นไม่เกิน 10%

  • ยูเรีย (Urea): ยูเรียเป็นสารให้ความชุ่มชื้นที่ดีเยี่ยม และยังมีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิว (keratolytic) ที่ความเข้มข้นสูง สำหรับส้นเท้าแตก แนะนำให้ใช้ที่ความเข้มข้น 10-15% ยูเรีย (รูปแบบผง) สามารถละลายในน้ำได้ สามารถทนความร้อนได้ชั่วคราวถึง 60°C แต่ควรหลีกเลี่ยงการให้ความร้อนเป็นเวลานาน ยูเรียอาจทำให้ค่า pH ของสูตรสูงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ดังนั้นการทำให้คงตัว (เช่น การใช้ Gluconolactone ประมาณ 15% ของปริมาณยูเรีย) มักจำเป็นสำหรับความคงตัวในระยะยาว โดยเฉพาะหากเก็บในที่อุณหภูมิสูงกว่า 30°C

วิธีผสมโดยทั่วไป:

โดยทั่วไป คุณจะเตรียมส่วนของน้ำที่มีส่วนประกอบที่ละลายน้ำได้ เช่น ยูเรีย และไกลโคลิก แอซิด (หลังจากละลายผงแล้ว) ส่วนของน้ำมันจะมีน้ำมันและอิมัลซิไฟเออร์ ทั้งสองส่วนจะถูกให้ความร้อนแยกกัน (ส่วนของน้ำให้ความร้อนได้ถึง 60°C ชั่วครู่หากจำเป็นสำหรับยูเรีย ส่วนของน้ำมันตามข้อกำหนดของอิมัลซิไฟเออร์) จากนั้นนำมารวมกันและผสมให้เข้ากันอย่างทั่วถึงเพื่อสร้างอิมัลชันครีม ส่วนประกอบอื่นๆ เช่น สารกันเสีย น้ำหอม และสารเพิ่มความข้น จะถูกเพิ่มในระหว่างขั้นตอนการเย็นตัวตามสูตรเฉพาะของคุณ

วิตามินอีสำหรับลิปกลอสและส่วนประกอบสำหรับลดปากคล้ำ

สำหรับการทำลิปกลอส สามารถใช้วิตามินอีได้ทั้งสองชนิด คือ วิตามินอี อะซิเตท (Vitamin E Acetate) และ วิตามินอี (dl-alpha tocopherol) วิตามินอีทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระและให้ประโยชน์ในการบำรุงผิวได้

  • วิตามินอี อะซิเตท (Tocopheryl Acetate): เป็นวิตามินอีรูปแบบที่เสถียรและนิยมใช้ในเครื่องสำอางทั่วไป ละลายในน้ำมันได้ และสามารถผสมในส่วนของน้ำมันในสูตรลิปกลอสของคุณ

  • วิตามินอี (dl-alpha tocopherol): วิตามินอีรูปแบบนี้ถือว่ามีการดูดซึมได้ดีกว่าและอาจมีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าเมื่อเทียบกับวิตามินอี อะซิเตท แต่ก็มักมีราคาสูงกว่าและเสถียรน้อยกว่าเช่นกัน ละลายในน้ำมันได้ และควรผสมในส่วนของน้ำมัน หลีกเลี่ยงการให้ความร้อนเป็นเวลานาน

เพื่อช่วยลดรอยคล้ำบนริมฝีปาก คุณสามารถเพิ่มสารไวท์เทนนิ่งที่เหมาะสมสำหรับใช้กับริมฝีปากได้ ส่วนประกอบอย่าง GlyciWhite™ (Glycinamide HCL) และ MelaninTerminate™ (Hydrolyzed Conchiolin Protein) เป็นตัวอย่างของส่วนประกอบที่สามารถช่วยยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสีได้

  • GlyciWhite™: ส่วนประกอบนี้ช่วยยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสีได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นผงที่ละลายในน้ำและควรผสมในส่วนของน้ำ หลีกเลี่ยงความร้อนสูงกว่า 60°C แนะนำให้ใช้ที่อัตรา 3-10% (แนะนำ 5%)

  • MelaninTerminate™: ส่วนประกอบนี้สกัดจากโปรตีนไข่มุกใต้ทะเล มีโอลิโกเปปไทด์ที่ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีผ่านกลไกที่แตกต่างออกไป (endothelin antagonist) เป็นผงสีเหลืองอ่อนที่ละลายในน้ำและควรผสมในส่วนของน้ำ หลีกเลี่ยงความร้อน แนะนำให้ใช้อัตราต่ำที่ 0.01-0.1%

เมื่อนำส่วนประกอบเหล่านี้ไปผสมในลิปกลอส ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเข้ากันได้กับเบสสูตรของคุณ และปฏิบัติตามอัตราการใช้และวิธีผสมที่แนะนำ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
เครื่องสำอาง
Vitamin E (dl-alpha tocopherol)
Vitamin E (dl-alpha tocopherol)
เครื่องสำอาง
Urea (High Purity, Cosmetics, Powder)
Urea (High Purity, Cosmetics, Powder)
เครื่องสำอาง
Glycopure™ (Glycolic Acid (AHA) 100% Powder)
Glycopure™ (Glycolic Acid (AHA) 100% Powder)
เครื่องสำอาง
GlyciWhite™
GlyciWhite™
เครื่องสำอาง
MelaninTerminate™
MelaninTerminate™
เครื่องสำอาง