การพัฒนาสูตรครีม/เจลแก้ฝ้ากระ ด้วยสารออกฤทธิ์เฉพาะ

ถามโดย: poo3055 เมื่อ: June 22, 2016 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

ฉันต้องการพัฒนาสูตรครีมหรือเจลสำหรับรักษาฝ้ากระ โดยใช้ส่วนผสมดังต่อไปนี้:

  • สารสกัดมะหาด (Oxyresveratrol)
  • Alpha Arbutin
  • สารสกัดชาเขียว (EGCG)
  • Vitamin B3 (Niacinamide) หรือ Vitamin B5 (Panthenol) หรือทั้งสองอย่าง

ขอคำแนะนำเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาสูตร โดยเฉพาะในประเด็นต่อไปนี้:

  1. ส่วนผสมเหล่านี้เข้ากันได้ในสูตรเดียวกันหรือไม่?
  2. จำเป็นต้องใช้ความร้อนในการทำสูตรหรือไม่ และต้องใช้เครื่องผสมหรือไม่ โดยเฉพาะถ้าทำในปริมาณมาก?
  3. อัตราส่วนการใช้ที่แนะนำสำหรับส่วนผสมแต่ละตัวคือเท่าใด?
  4. ขั้นตอนการผสมเบื้องต้นเป็นอย่างไร?
  5. ควรใช้สารกันเสียชนิดใดที่แนะนำสำหรับการทำปริมาณมาก เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ปลอดภัยและมีอายุการเก็บรักษาที่เหมาะสม?
  6. ค่า pH ที่เหมาะสมสำหรับผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป โดยพิจารณาจากส่วนผสมเหล่านี้คือเท่าใด?

คำตอบ

สวัสดีค่ะ

จากข้อมูลและคำถามก่อนหน้านี้ เข้าใจว่าคุณสนใจทำครีมแก้ฝ้ากระ โดยใช้สารสกัดมะหาด (Oxyresveratrol), Alpha Arbutin, สารสกัดชาเขียว (EGCG) เป็นสารออกฤทธิ์หลัก และต้องการเพิ่ม Vitamin B3 (Niacinamide) หรือ Vitamin B5 (Panthenol) เป็นสารออกฤทธิ์รองนะคะ

  • ความเข้ากันได้ของส่วนผสม: สารออกฤทธิ์หลักที่คุณเลือก (สารสกัดมะหาด, Alpha Arbutin, สารสกัดชาเขียว) และสารออกฤทธิ์รอง (Vitamin B3, B5) สามารถใช้ร่วมกันในสูตรครีมแก้ฝ้ากระได้ค่ะ
  • ความร้อนและการผสม: การที่จะต้องใช้ความร้อนหรือไม่ และต้องใช้เครื่องผสมหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับ Cream Maker หรือ Gel Maker ที่คุณเลือกใช้เป็นเบสของเนื้อครีมค่ะ
    • Cream Maker บางชนิดต้องมีการให้ความร้อนกับส่วนของน้ำและน้ำมันก่อนนำมาผสมกัน และมักต้องใช้เครื่องผสมช่วยเพื่อให้เนื้อเข้ากันดี
    • Gel Maker หรือสารสร้างเนื้อแบบ Cold Process ส่วนใหญ่สามารถผสมในน้ำได้โดยไม่ต้องใช้ความร้อน
    • หากต้องการทำในปริมาณมากเพื่อแจกจ่าย การใช้เครื่องผสมจะช่วยให้เนื้อครีมเนียนและส่วนผสมกระจายตัวได้สม่ำเสมอดีกว่าการผสมด้วยมือค่ะ

ตัวอย่างความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์

นี่คือช่วงความเข้มข้นที่แนะนำสำหรับสารออกฤทธิ์ที่คุณสนใจ โดยอ้างอิงจากรายละเอียดผลิตภัณฑ์ คุณสามารถนำไปปรับใช้ในสูตรเบสครีมหรือเจลที่คุณเลือกค่ะ

  • สารสกัดมะหาด (Oxyresveratrol 98%): 0.1 - 0.5% (ละลายใน Glycol เช่น Propylene Glycol ก่อนผสมลงสูตร อาจใช้ความร้อนช่วยละลายได้เล็กน้อยไม่เกิน 60°C ในระยะเวลาสั้นๆ)
  • Alpha Arbutin (Switzerland): 0.2 - 2% (แนะนำ 2% เพื่อผลสูงสุดในการปรับผิวให้สว่างขึ้น ละลายน้ำได้ดี ผสมในขั้นตอนสุดท้ายที่อุณหภูมิ < 30°C ค่า pH ควรอยู่ระหว่าง 3.5-6.5 หลีกเลี่ยง pH สูงกว่า 8)
  • Hi-EGCG™ (สารสกัดชาเขียว): 1 - 5% (ของเหลว ละลายน้ำได้ดี ผสมในขั้นตอนสุดท้ายที่อุณหภูมิ < 40°C ค่า pH ควรอยู่ระหว่าง 4.0-6.5 ควรป้องกันจากแสงและไอออนของโลหะ อาจพิจารณาใช้ ActiveProtec™ OX ร่วมด้วย)
  • Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide): 1 - 10% (แนะนำ 5% เป็นผง ละลายน้ำได้ดี ทนความร้อนได้แต่ไม่ควรให้ความร้อนนาน ค่า pH ที่เหมาะสมคือ 4.0-7.0)
  • D-Panthenol Care (Pro-Vitamin B5): 1 - 10% สำหรับผิว (แนะนำ 1-3% หากใช้เกิน 5% อาจทำให้เนื้อเหนอะหนะได้ เป็นของเหลว ละลายน้ำได้ดี ทนความร้อนได้เล็กน้อย ค่า pH ที่เหมาะสมคือ 3.5-7.0)

  • หมายเหตุ: คุณสามารถเลือกใช้ Vitamin B3, Vitamin B5 หรือใช้ทั้งสองตัวในความเข้มข้นที่ต่ำลงได้ ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของสูตรที่ต้องการ (B3 ช่วยเรื่องผิวกระจ่างใส/เสริมเกราะป้องกัน/ควบคุมความมัน, B5 ช่วยเรื่องความชุ่มชื้น/ปลอบประโลม/สมานผิว)*

ขั้นตอนการผสมเบื้องต้น

นี่คือขั้นตอนทั่วไป ควรปฏิบัติตามคำแนะนำเฉพาะของ Cream Maker หรือ Gel Maker ที่คุณเลือกใช้เป็นหลัก

  1. เตรียมส่วนของน้ำ (Water Phase): ชั่งส่วนผสมที่ละลายน้ำได้ทั้งหมด (น้ำ, สารให้ความชุ่มชื้น, Alpha Arbutin, Vitamin B3/B5, สารสกัดชาเขียว ฯลฯ) หากใช้สารสกัดมะหาดแบบผง ให้ละลายใน Glycol ที่เหมาะสมก่อน
  2. เตรียมส่วนของน้ำมัน (Oil Phase): ชั่งส่วนผสมที่ละลายในน้ำมันได้ทั้งหมด (น้ำมัน, บัตเตอร์, Emulsifier/Cream Maker)
  3. สร้างเนื้อเบส: ทำตามคำแนะนำของ Cream Maker/Gel Maker เพื่อรวมส่วนของน้ำและน้ำมันเข้าด้วยกันและสร้างเนื้อครีมหรือเจล ขั้นตอนนี้อาจมีการใช้ความร้อนขึ้นอยู่กับเบสที่เลือก ผสมจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
  4. ลดอุณหภูมิ (Cool Down): หากมีการใช้ความร้อน ให้รอจนส่วนผสมเย็นลงถึงอุณหภูมิที่แนะนำสำหรับการเติมสารที่ไวต่อความร้อน (โดยทั่วไปต่ำกว่า 40°C หรือ 30°C ตรวจสอบจากข้อมูลของสารแต่ละตัว)
  5. เติมสารออกฤทธิ์: เติมสารออกฤทธิ์ที่เตรียมไว้ (สารสกัดมะหาดที่ละลายแล้ว, Alpha Arbutin, สารสกัดชาเขียว, Vitamin B3/B5) ลงในเบสที่เย็นลงแล้ว ผสมให้เข้ากันดี
  6. เติมสารกันเสีย: เติมสารกันเสียที่เลือกใช้ในอัตราส่วนที่แนะนำ
  7. ปรับค่า pH: ตรวจสอบและปรับค่า pH ของเนื้อครีมให้เหมาะสมกับสารออกฤทธิ์ที่ใช้ (โดยทั่วไปประมาณ pH 4.0-6.5 สำหรับส่วนผสมเหล่านี้)
  8. ผสมครั้งสุดท้าย: ผสมอีกครั้งสั้นๆ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างเข้ากันดี

สารกันเสียที่แนะนำสำหรับทำปริมาณมาก

สำหรับการทำครีมปริมาณมากเพื่อแจกจ่าย การใช้สารกันเสียที่มีประสิทธิภาพสูงและครอบคลุมเชื้อได้หลายชนิดเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์และยืดอายุการใช้งาน

สารกันเสียที่เหมาะสมคือ Mild Preserved™ COS

  • เป็นสารกันเสียแบบ Broad Spectrum ครอบคลุมทั้งเชื้อแบคทีเรีย ยีสต์ และรา
  • สามารถใช้ได้ในสูตรที่มีค่า pH กว้าง (pH 2-8) ซึ่งเหมาะสมกับสารออกฤทธิ์ที่คุณเลือก
  • ละลายน้ำได้ดีและไม่มีกลิ่น
  • สามารถผสมในขั้นตอนใดก็ได้ของสูตร โดยที่อุณหภูมิของสูตรต้องต่ำกว่า 45°C
  • อัตราการใช้ที่แนะนำคือ 0.75-1.5%.

นอกจากนี้ การรักษาความสะอาดในระหว่างกระบวนการทำ และการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม (เช่น ขวดทึบแสงสำหรับสารที่ไวต่อแสงอย่างสารสกัดชาเขียวและสารสกัดมะหาด) ก็มีความสำคัญต่อความคงตัวและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ค่ะ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Alpha Arbutin (Switzerland)
Alpha Arbutin (Switzerland)
เครื่องสำอาง
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
เครื่องสำอาง
Hi-EGCG™ (Green Tea Extract)
Hi-EGCG™ (Green Tea Extract)
เครื่องสำอาง
Artocarpus Lakoocha Wood Extract (Oxyresveratrol 98%)
Artocarpus Lakoocha Wood Extract (Oxyresveratrol 98%)
เครื่องสำอาง
D-Panthenol Care (Pro-Vitamin B5, 100% Liquid)
D-Panthenol Care (Pro-Vitamin B5, 100% Liquid)
เครื่องสำอาง
Mild Preserved™ COS (pH 2-8, Broad Spectrum, No-Odor)
Mild Preserved™ COS (pH 2-8, Broad Spectrum, No-Odor)
เครื่องสำอาง