การพัฒนาสูตรครีม/เซรั่มที่มีเปปไทด์และสารออกฤทธิ์สำหรับการดูแลผิวหลังทำเลเซอร์
คำถาม
มีคำถามเกี่ยวกับการพัฒนาสูตรครีมและเซรั่มโดยใช้ส่วนผสมออกฤทธิ์หลายชนิด โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อใช้ดูแลผิวหลังทำเลเซอร์ค่ะ:
- สูตรข้างต้นสามารถผสมรวมกันได้ไหมคะ มีตัวไหนเป็น Chelating agent ไหมคะ อยากให้ active หลักเป็น Copper Peptide (GHK-Cu) ค่ะ ทีมงานเห็นควรว่าผสมรวมกันเป็นครีมตัวเดียวเลย หรือควรแยกตัว Copper Peptide (GHK-Cu) ออกมาเดี่ยวๆ ตัวเดียวแยกกับ active ตัวอื่นเลยดีคะ จุดประสงค์เพื่อให้หลังการทำ laser ค่ะ
- หากอยากเพิ่ม Phospholipid ลงไปด้วย จะรบกวนการทำงานของ PE-1 Aqua ไหมคะ เห็นที่หน้าเว็บบอกว่าการเพิ่ม penetration enhancer ตัวอื่นเข้าไปเพิ่มอาจลดประสิทธิภาพ PE-1 Aqua ลง เห็น Phospholipid อยู่ในหมวด penetration enhancer ด้วย เลยไม่แน่ใจว่าใช้ร่วมกันได้ไหมคะ
- ขั้นตอนการใช้ Satin Cream Maker ค่ะ คือต้องโปรยลงไปใน Water phase แล้วคนให้เกิดเนื้อ cream ขึ้นมาก่อนแล้วค่อยใส่ oil phase (PE-1 Aqua) หรือคนแค่พอกระจายตัวแล้วใส่ PE-1 Aqua ลงไปได้เลย แล้วค่อยคนต่อจนเกิดเป็นเนื้อครีมคะ
- หากอยากปรับสูตรให้เป็นเนื้อ serum เนื้อเบาไม่เหนอะหนะ สามารถใช้ Silky Serum Base Plus สร้างเนื้อ serum ได้ไหมคะ ถ้าปรับสูตรดังนี้
- Copper Peptide (GHK-Cu) 3%
- Matrixyl 3000 5%
- Centella 2%
- Repair Activator 10%
- Cell-Energy 2%
- MOIST24 5%
- PE-1 Aqua 2%
- Water 61%
- Silky Serum Base Plus 10%
คำตอบ
สวัสดีค่ะ
สำหรับสูตรและคำถามของคุณลูกค้า ทางทีมงานขอตอบดังนี้ค่ะ
ความเข้ากันได้และสารคีเลต: ส่วนผสมในสูตรดั้งเดิมของคุณลูกค้าสามารถนำมาผสมรวมกันได้ค่ะ จากรายการที่ให้มา ไม่มีส่วนผสมใดที่เป็นสารคีเลตที่รุนแรงซึ่งจะส่งผลเสียต่อ Copper Peptide (GHK-Cu) ค่ะ คุณลูกค้าสามารถผสมส่วนผสมทั้งหมดรวมกันเป็นครีมตัวเดียวได้เลยค่ะ สำหรับการใช้หลังทำเลเซอร์ การเน้นส่วนผสมที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนจะเป็นประโยชน์ค่ะ ทางทีมงานได้แนะนำให้พิจารณาใช้ Vitamin C แทน MOIST72 แต่ในสูตรของคุณลูกค้ามี MOIST24 (Glycereth-26) ไม่ใช่ MOIST72 (Saccharide Isomerate) ค่ะ Active ต่างๆ ที่คุณลูกค้าเลือกมา เช่น Copper Peptide, Matrixyl 3000, Centella, Repair Activator, และ Cell-Energy เหมาะสำหรับการดูแลผิวหลังทำเลเซอร์อยู่แล้วค่ะ เนื่องจากช่วยสนับสนุนการซ่อมแซมผิวและการสร้างคอลลาเจน
Phospholipid และ PE-1 Aqua: Phospholipid และ PE-1 Aqua ทำงานคนละกลไกกัน จึงไม่รบกวนประสิทธิภาพของกันและกันค่ะ สามารถใช้ร่วมกันได้ค่ะ อย่างไรก็ตาม ตามที่ทีมงานได้แจ้งไว้ หากคุณลูกค้าทำเลเซอร์กลุ่มที่มีการเจาะผิว (เช่น CO2 Laser) ซึ่งทำให้เกิดช่องเล็กๆ บนผิว สารช่วยนำพา (penetration enhancer) อาจไม่จำเป็นมากนักค่ะ เนื่องจากส่วนผสมต่างๆ ที่ทาลงบนผิวจะสามารถซึมเข้าสู่ผิวได้ดีเป็นพิเศษอยู่แล้วในช่วงนั้นค่ะ
ขั้นตอนการใช้ Satin Cream Maker: วิธีการใช้ Satin Cream Maker คือ ให้โปรยหรือปั่น Satin Cream Maker ให้กระจายตัวและละลายในส่วนของน้ำ (Water phase) ให้สมบูรณ์ก่อนค่ะ หลังจากที่ละลายดีแล้ว จึงค่อยๆ เติมส่วนของน้ำมัน (Oil phase) เช่น PE-1 Aqua ลงในส่วนของน้ำ และคนหรือปั่นต่อไปจนเกิดเป็นเนื้อครีมค่ะ
สูตรเซรั่มด้วย Silky Serum Base Plus: สามารถปรับสูตรให้เป็นเนื้อเซรั่มที่บางเบาไม่เหนอะหนะได้โดยใช้ Silky Serum Base Plus ตามสูตรที่เสนอมาค่ะ สูตรที่ปรับแล้วจะเป็นดังนี้:
- Copper Peptide (GHK-Cu) 3%
- Matrixyl 3000 5%
- Centella 2%
- Repair Activator 10%
- Cell-Energy (Adenosine) 2%
- MOIST24 5%
- PE-1 Aqua 2%
- Water 61%
- Silky Serum Base Plus 10%
ขั้นตอนที่คุณลูกค้าเสนอมาโดยทั่วไปถูกต้องค่ะ คือผสม PE-1 Aqua ลงใน Silky Serum Base Plus คนให้เข้ากัน แล้วค่อยๆ แบ่งเทส่วนของน้ำ (Water phase) ที่ละลายส่วนผสมอื่นๆ แล้วลงไปพร้อมกับคนให้เกิดเนื้อเซรั่ม อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่าการใช้ Silky Serum Base Plus (หรือ Silky Serum Base) เพื่อสร้างเนื้อเซรั่มที่คงตัว จำเป็นต้องใช้เครื่องปั่นในการประสานเนื้อ ไม่สามารถใช้แค่มือคนได้ค่ะ ตามที่ทีมงานได้แจ้งไว้
หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์นะคะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Pal-GHK, Pal-GQPR (eq Matrixyl 3000)

Satin Cream Maker™

Centella Asiatica Extract (Madecassoside 7%, Liquid)

Silky Serum Base (Face/Eye)

Silky Serum Base Plus (Face/Eye, Oil)

PE-1 Aqua

MOIST24

Adenosine Liposome
