การพัฒนาสูตรครีม Retinal, ขั้นตอนการผสม และความคงตัว (ปัญหาเนื้อครีมเหลือง)
คำถาม
ต้องการปรับปรุงสูตรครีมที่กำลังพัฒนาอยู่ โดยต้องการเพิ่ม Retinal พร้อมกับสารออกฤทธิ์อื่นๆ อีกหลายตัว เข้าใจว่า Retinal (Retinaldehyde) มีประสิทธิภาพสูงกว่า Retinol (Retinol Palmitate) และต้องใช้ในความเข้มข้นต่ำกว่า แต่ก่อนหน้านี้เคยพบปัญหาเนื้อครีมเปลี่ยนเป็นสีเหลืองในรอบการผลิตที่มี Retinal ค่ะ
การปรับเปลี่ยนสูตรที่เสนอมีดังนี้:
- เพิ่มความเข้มข้นของ Retinal
- ตัด Shea Butter ออก
- เพิ่ม BioSulphur, Soy Extract, WhiteCumin, Resveratrol และ Disodium EDTA
สำหรับขั้นตอนการผสมที่วางแผนไว้คือ:
- ผสมส่วนของน้ำ: น้ำ, EDTA, Vitamin E, สารกันเสีย, Satin Cream Maker, BioSulphur, WhiteCumin, Soy Extract, Resveratrol
- ผสมส่วนของน้ำมัน: Retinal, FloraSolve, LipidSoft Dry
- ให้ความร้อนส่วนของน้ำมันที่ 60°C
- นำส่วนน้ำและน้ำมันมาผสมกันและคนจนเป็นเนื้อเดียวกัน
รบกวนช่วยตรวจสอบการปรับเปลี่ยนสูตรและขั้นตอนการผสมที่เสนอนี้ด้วยค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับ:
- ความเหมาะสมและปฏิกิริยาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างส่วนผสมที่เพิ่มเข้ามาในสูตรที่ซับซ้อนนี้
- ขั้นตอนและอุณหภูมิที่ถูกต้องในการเติมส่วนผสมแต่ละตัว โดยเฉพาะ Retinal และสารสกัด/ผงต่างๆ (BioSulphur, WhiteCumin, Soy Extract, Resveratrol, EDTA, Vitamin E, Satin Cream Maker)
- วิธีการป้องกันปัญหาเนื้อครีมเปลี่ยนเป็นสีเหลืองที่เคยเกิดขึ้นกับ Retinal ค่ะ
คำแนะนำใดๆ เกี่ยวกับการพัฒนาสูตรครีมที่ปรับเปลี่ยนนี้และการรักษาความคงตัวของสูตรจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งค่ะ
คำตอบ
สวัสดีค่ะ ยินดีให้คำแนะนำเกี่ยวกับสูตรและขั้นตอนการผสมที่คุณเสนอมาค่ะ
เกี่ยวกับ Retinal กับ Retinol: ตามที่เจ้าหน้าที่ได้อธิบายไป Retinal (Retinaldehyde) เป็นวิตามินเอที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า Retinol (Retinol Palmitate) ค่ะ นั่นหมายความว่าคุณสามารถใช้ Retinal ในความเข้มข้นที่ต่ำกว่าเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกัน และการใช้ความเข้มข้นที่สูงขึ้นอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการระคายเคืองผิวได้ค่ะ
สูตรใหม่ที่คุณเสนอมามีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างจากสูตรเดิม (เพิ่ม Retinal, ตัด Shea Butter ออก, เพิ่ม BioSulphur, Soy Extract, WhiteCumin, Resveratrol และ Disodium EDTA) โดยรวมแล้วสัดส่วนของส่วนผสมที่ไม่ใช่น้ำสูงขึ้นมาก (ประมาณ 40.5%) สูตรนี้ค่อนข้างซับซ้อนและอาจส่งผลต่อเนื้อสัมผัสและความคงตัวเมื่อเทียบกับสูตรเดิมของคุณค่ะ
สีเหลืองที่เกิดขึ้นในครีมรอบที่แล้วน่าจะมาจากการที่ Retinal เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันค่ะ การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม (เช่น ขวดปั๊มสุญญากาศ ทึบแสง) และการเก็บรักษาที่ดี (เก็บในที่เย็นและไม่โดนแสง) เป็นสิ่งสำคัญมากในการรักษาความเสถียรและป้องกันการเปลี่ยนสีค่ะ Vitamin E Acetate ช่วยได้ แต่บรรจุภัณฑ์และการเก็บรักษามีบทบาทสำคัญค่ะ
มาดูขั้นตอนการผสมที่คุณเสนอมานะคะ:
- ในส่วนของน้ำ (Water phase) คุณได้รวมส่วนผสมหลายอย่างไว้ด้วยกัน (Water, EDTA, Vitamin E, Preservative, Satin Cream Maker, BioSulphur, WhiteCumin, Soy Extract, Resveratrol) ซึ่งบางตัวไม่ควรนำไปผสมในส่วนของน้ำและใช้ความร้อนค่ะ Vitamin E Acetate ละลายในน้ำมัน ควรอยู่ในส่วนของน้ำมันค่ะ BioSulphur, WhiteCumin, Soy Extract และ Active Resveratrol เป็นผงหรือสารสกัดที่ต้องใช้วิธีการกระจายตัวหรือละลายที่เหมาะสม และควรเติมในขั้นตอนหลังลดอุณหภูมิ (Cool-down phase) เพื่อรักษาประสิทธิภาพและความคงตัว โดยเฉพาะ Soy Extract และ Resveratrol ที่เว็บไซต์ระบุให้เติมใน "ขั้นตอนสุดท้าย" ค่ะ ส่วน Satin Cream Maker ตำแหน่งการเติมขึ้นอยู่กับชนิดของอิมัลซิไฟเออร์ แต่มักจะอยู่ในส่วนของน้ำมันสำหรับครีมค่ะ
- ส่วนผสมในส่วนของน้ำมัน (Oil phase) ของคุณ (Retinal, FloraSolve, LipidSoft Dry) จัดกลุ่มได้ถูกต้องว่าเป็นส่วนผสมที่ละลายในน้ำมัน/เข้ากันได้กับน้ำมัน อย่างไรก็ตาม การใช้ความร้อน 60C กับ Retinal ไม่แนะนำค่ะ Retinal เป็นสารที่ไวต่อความร้อน ควรเติมในขั้นตอนหลังลดอุณหภูมิที่อุณหภูมิต่ำกว่า 30-40C ค่ะ
- ขั้นตอนการนำส่วนน้ำและน้ำมันมาผสมกันที่อุณหภูมิเป็นขั้นตอนมาตรฐานค่ะ
- คำแนะนำจากเว็บไซต์ที่ให้เติม Soy Extract และ Active Resveratrol™ ใน "ขั้นตอนสุดท้าย" หมายถึงการเติมหลังจากที่ได้เนื้อครีม (อิมัลชัน) แล้ว และได้ลดอุณหภูมิลงแล้วค่ะ ไม่ใช่การเติมในส่วนของน้ำตั้งแต่แรกค่ะ
การทำครีมให้คงตัวด้วยส่วนผสมจำนวนมาก โดยเฉพาะที่มีส่วนผสมที่เป็นของแข็งและสารสกัดที่ไวต่อความร้อน/การสลายตัว จำเป็นต้องพิจารณาเรื่องการละลาย การกระจายตัว และอุณหภูมิในการเติมอย่างรอบคอบค่ะ แนวทางการผสมโดยทั่วไปคือ:
- ส่วน A (ส่วนน้ำ): น้ำ, ส่วนผสมที่ละลายน้ำได้ (เช่น EDTA, สารกันเสียบางชนิด) ให้ความร้อน
- ส่วน B (ส่วนน้ำมัน): น้ำมัน, อิมัลซิไฟเออร์ (เช่น Satin Cream Maker, LipidSoft Dry, FloraSolve ซึ่งช่วยละลายได้), ส่วนผสมที่ละลายในน้ำมันได้ (เช่น Vitamin E Acetate) ให้ความร้อน
- นำส่วน B ค่อยๆ เทผสมลงในส่วน A พร้อมคน/ปั่นให้เข้ากันที่อุณหภูมิที่กำหนดจนได้เนื้อครีม
- ลดอุณหภูมิของเนื้อครีมลง
- ส่วนที่เติมหลังลดอุณหภูมิ (Cool-down Phase): เติมส่วนผสมที่ไวต่อความร้อน (เช่น Retinal), ส่วนผสมที่ต้องกระจายตัว (เช่น BioSulphur, WhiteCumin), และส่วนผสมที่ต้องละลายในตัวทำละลายเฉพาะ/เติมในขั้นตอนสุดท้าย (เช่น Soy Extract, Active Resveratrol™ ที่ละลายใน glycol หรือตัวทำละลายที่เหมาะสมก่อนเติม) คนให้เข้ากันจนเนื้อครีมเป็นเนื้อเดียวกัน
เจ้าหน้าที่เคยแนะนำการปรับสูตรที่ง่ายกว่าคือ การเพิ่ม Soy Extract (5%), WhiteCumin (3%), และ Active Resveratrol (5%) โดยลด LipidSoft Dry ลงเหลือ 2% และคงส่วนผสมอื่นๆ จากสูตรเดิมของคุณไว้ (รวมถึง Shea Butter) วิธีนี้อาจจะผสมได้ง่ายกว่าและคงตัวได้ดีกว่าค่ะ
หากคุณต้องการใช้สูตรที่คุณเสนอมาซึ่งมี BioSulphur และ EDTA ด้วย โปรดทราบว่าเป็นสูตรที่ซับซ้อน และจำเป็นต้องผสมอย่างระมัดระวังและทดสอบความคงตัวของสูตรที่ได้ค่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Active Resveratrol™

Vitamin E (Tocopheryl Acetate)

Disodium EDTA

Satin Cream Maker™

Soy Extract (Isoflavones / Genistein)

LipidSoft™ Dry

BioSulphur™ กำมะถัน ไบโอเทค
