การพัฒนาสูตรคลีนซิ่งออยล์: ขั้นตอนการผสมและความเข้ากันได้ของส่วนผสม

คำแนะนำและขั้นตอนการผสม Cleansing Oil

สำหรับสูตร Cleansing Oil ที่คุณสอบถามมา สามารถผสมได้ค่ะ ส่วนผสมหลักที่เป็นน้ำมันและ Emollient เข้ากันได้ดี อย่างไรก็ตาม มีส่วนผสมบางตัวที่เป็น Water-soluble (ละลายน้ำ) ซึ่งอาจทำให้สูตรไม่คงตัวหรือขุ่นได้ในระยะยาวค่ะ

มาดูส่วนผสมแต่ละตัวในสูตรของคุณกันค่ะ:

• Oilsify 30 (Sorbeth-30 Tetraoleate): เป็น Emulsifier หลักสำหรับ Cleansing Oil โดยเฉพาะ ทำหน้าที่ช่วยให้น้ำมันจับตัวกับเครื่องสำอางและล้างออกด้วยน้ำได้ง่าย อัตราการใช้ที่แนะนำคือ 8-15% การใช้ 20% ยังอยู่ในช่วงที่ใช้ได้ (5-30%) แต่ค่อนข้างสูง อาจทำให้เนื้อเบาหรือล้างออกง่ายมากเป็นพิเศษค่ะ
• Fractionated Coconut Oil, Grape Seed Oil, Safflower Seed Oil, LipidSoft Lite: เป็นกลุ่มน้ำมันและ Emollient ที่เป็น Base ของ Cleansing Oil ช่วยในการละลายเครื่องสำอางและบำรุงผิว สัดส่วนเหล่านี้เหมาะสมกับการเป็น Base น้ำมันค่ะ
• Glycerin, Propylene Glycol: สองตัวนี้เป็น Humectant (สารให้ความชุ่มชื้น) และ Solvent (ตัวทำละลาย) ที่ละลายได้ในน้ำเป็นหลัก สูตร Cleansing Oil ส่วนใหญ่เป็นสูตรที่ไม่มีน้ำ (Anhydrous) การใส่ Glycerin และ Propylene Glycol ในปริมาณสูง (รวมกันเกือบ 15%) อาจทำให้สูตรไม่คงตัว แยกชั้น หรือขุ่นได้ค่ะ โดยเฉพาะ Glycerin ที่ความบริสุทธิ์สูงมีคุณสมบัติในการดึงน้ำ หากสูตรสัมผัสความชื้นอาจมีปัญหาได้ค่ะ Propylene Glycol สามารถช่วยละลายสารบางอย่างได้ แต่ในสูตร Cleansing Oil ที่เน้นน้ำมัน อาจไม่จำเป็นต้องใส่ หรือหากใส่ควรใส่ในปริมาณน้อยมากและต้องทดสอบความเข้ากันได้ของสูตรอย่างละเอียดค่ะ
• Mild Preserved Eco: เป็นสารกันเสียชนิดไม่มีสารกันเสีย (Preservative-Free) ซึ่งประกอบด้วย Ethylhexylglycerin และ 1,3 Propanediol สามารถช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ได้ แม้สูตรจะเป็นน้ำมันเป็นหลัก แต่เมื่อมีการสัมผัสกับน้ำระหว่างใช้งาน ก็มีโอกาสปนเปื้อนได้ การใส่สารกันเสียจึงช่วยยืดอายุผลิตภัณฑ์ได้ค่ะ Mild Preserved Eco สามารถกระจายตัวในน้ำมันได้ การใช้ 1% อยู่ในอัตราที่แนะนำค่ะ
• White Tea Extract: ตามข้อมูลผลิตภัณฑ์ เป็นสารสกัดที่เน้นเรื่องกลิ่นตามธรรมชาติ ไม่ได้มีผลวิจัยด้านประสิทธิภาพต่อผิว และเป็นสารสกัดที่ละลายในน้ำ การใส่ในสูตร Cleansing Oil ที่เป็นน้ำมันเป็นหลัก อาจทำให้สูตรไม่คงตัวและแยกชั้นได้ค่ะ หากต้องการเพิ่มกลิ่น ควรเลือกใช้ Fragrance Oil หรือ Essential Oil ที่ละลายในน้ำมันแทนค่ะ
• Tocopherol Acetate (Vitamin E): เป็น Antioxidant ช่วยป้องกันน้ำมันในสูตรไม่ให้เหม็นหืน การใช้ 0.5% อยู่ในอัตราที่แนะนำสำหรับการบำรุงผิว (0.1-0.5%) ซึ่งอาจช่วยเรื่อง Antioxidant ให้ผิวได้ด้วย แต่หากต้องการเน้นแค่ป้องกันน้ำมันหืน สามารถใช้ในปริมาณที่น้อยกว่านี้ได้ (0.01%) การใช้ 0.5% อาจทำให้รู้สึกเหนอะหนะเล็กน้อยได้ค่ะ

คำแนะนำสำหรับสูตรของคุณ:

1. พิจารณาส่วนผสมที่ละลายน้ำ: Glycerin, Propylene Glycol และ White Tea Extract เป็นส่วนผสมที่ละลายน้ำเป็นหลัก การใส่ในสูตร Cleansing Oil ที่เป็นน้ำมันอาจทำให้สูตรไม่คงตัว แนะนำให้ลดปริมาณ Glycerin และ Propylene Glycol ลงมาก หรือตัดออกไปเลยหากต้องการสูตรน้ำมันที่คงตัวสูง และเปลี่ยน White Tea Extract เป็น Fragrance Oil หรือ Essential Oil ที่ละลายในน้ำมันแทนค่ะ
2. อัตราส่วน Oilsify 30: 20% ใช้ได้ แต่หากต้องการเนื้อที่ล้างออกง่ายปานกลาง อาจลองลดลงมาที่ 10-15% ค่ะ
3. สารกันเสีย: Mild Preserved Eco 1% เหมาะสมที่จะช่วยป้องกันการปนเปื้อนเมื่อสูตรสัมผัสกับน้ำค่ะ
4. Vitamin E: 0.5% เหมาะสมสำหรับการเป็น Antioxidant ให้ผิวและป้องกันน้ำมันหืนค่ะ

ขั้นตอนการผสม (ปรับตามคำแนะนำ):

หากปรับสูตรโดยลดหรือตัดส่วนผสมที่ละลายน้ำออก และใช้ Fragrance Oil แทน White Tea Extract ขั้นตอนการผสมจะง่ายขึ้นมากค่ะ

1. รวมส่วนผสมที่เป็นน้ำมันทั้งหมด (Fractionated Coconut Oil, Grape Seed Oil, Safflower Seed Oil, LipidSoft Lite) ในภาชนะเดียวกัน
2. เติม Oilsify 30 ลงไป คนหรือปั่นให้เข้ากันดี
3. เติม Tocopherol Acetate และ Mild Preserved Eco. คนหรือปั่นให้เข้ากัน
4. หากใช้ Fragrance Oil ให้เติมในขั้นตอนนี้ คนให้เข้ากัน
5. ตรวจสอบความเข้ากันได้ของสูตร (เนื้อใส ไม่แยกชั้น) และทดสอบการใช้งาน (นวดบนผิวแห้ง พรมน้ำเล็กน้อยแล้วนวด จะกลายเป็นน้ำนม แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด)

หากคุณยังต้องการคง Glycerin และ Propylene Glycol ไว้ในสูตรเดิม อาจจะต้องทดสอบความเข้ากันได้และความคงตัวของสูตรอย่างละเอียด เพราะมีโอกาสแยกชั้นหรือขุ่นได้สูงค่ะ