การพัฒนาสูตรน้ำตบจากสารหมักและสารสกัด

ถามโดย: graiwit.m เมื่อ: March 05, 2021 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

พอดีอยากทำน้ำตบใช้เองครับ สามารถผสมส่วนผสมดังนี้ได้ไหมครับ: Galactomyces Ferment Filtrate 50%, Bifida Ferment Lysate 10%, Licochalcone A 1%, DMI 3%, และน้ำ โดยมีคำถามเพิ่มเติมคือ 1. ส่วนผสมทั้งหมดนี้สามารถผสมกันได้ไหมครับ 2. สามารถผสมกันได้โดยไม่ต้องใช้ความร้อนได้ไหมครับ 3. ต้องผสมสารอื่นๆ เพิ่มไหมครับ เช่น สารกันเสีย สารนำพาให้ซึมเข้าผิว อื่นๆ ขอบคุณล่วงหน้าครับ

คำตอบ

สวัสดีครับ สำหรับสูตรน้ำตบที่คุณสอบถามมา สามารถพิจารณาได้ดังนี้ครับ

  1. ส่วนผสมทั้งหมดนี้สามารถผสมกันได้ไหมครับ

    • ส่วนผสมที่คุณระบุมา ได้แก่ Galactomyces Ferment Filtrate, Bifida Ferment Lysate, Licochalcone A (จากสารสกัดชะเอมเทศ), DMI และน้ำ โดยทั่วไปแล้วเป็นส่วนผสมที่นิยมใช้และสามารถเข้ากันได้ในสูตรเครื่องสำอางประเภทน้ำ (water-based) เช่น น้ำตบ หรือ Essence ครับ
    • อย่างไรก็ตาม ความเข้ากันได้ที่สมบูรณ์แบบอาจขึ้นอยู่กับรายละเอียดเฉพาะของวัตถุดิบแต่ละตัวที่มาจากผู้จำหน่ายนั้นๆ (เช่น ความเข้มข้น รูปแบบ หรือสารที่ใช้เป็นตัวทำละลาย/นำพามากับวัตถุดิบ) แต่โดยหลักการแล้ว ส่วนผสมเหล่านี้สามารถนำมาผสมกันได้ครับ
    • สัดส่วนที่คุณระบุมา (Galactomyces 50%, Bifida 10%) ถือเป็นความเข้มข้นที่ค่อนข้างสูง ซึ่งอาจต้องพิจารณาความเหมาะสมกับผิวและการตอบสนองของแต่ละบุคคลครับ
  2. สามารถผสมกันได้โดยไม่ต้องใช้ความร้อนได้ไหมครับ

    • ส่วนผสมส่วนใหญ่ที่คุณระบุมาเป็นวัตถุดิบที่ละลายน้ำได้ดี หรือมาในรูปแบบของเหลว/สารละลายอยู่แล้ว การผสมสามารถทำได้ที่อุณหภูมิห้องปกติ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ความร้อนครับ
    • การใช้ความร้อนอาจส่งผลเสียต่อสารออกฤทธิ์บางชนิด เช่น สารสกัดจากธรรมชาติ หรือสารหมักต่างๆ ทำให้ประสิทธิภาพลดลงได้ ดังนั้น การผสมโดยไม่ใช้ความร้อนจึงเป็นวิธีที่เหมาะสมกว่าครับ
  3. ต้องผสมสารอื่นๆ เพิ่มไหมครับ เช่น สารกันเสีย สารนำพาให้ซึมเข้าผิว อื่นๆ

    • สารกันเสีย (Preservative): จำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องเติมสารกันเสียลงในสูตรนี้ครับ เนื่องจากเป็นสูตรที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งเป็นสภาวะที่เชื้อจุลินทรีย์ (แบคทีเรีย ยีสต์ รา) เจริญเติบโตได้ดีมาก หากไม่มีสารกันเสีย ผลิตภัณฑ์จะเสียภายในเวลาอันสั้น และอาจเป็นอันตรายต่อผิวได้ ควรเลือกใช้สารกันเสียที่เหมาะสมกับสูตรและค่า pH ของผลิตภัณฑ์ครับ
    • สารนำพาให้ซึมเข้าผิว (Penetration Enhancer): ในสูตรของคุณได้ใส่ DMI (Dimethyl Isosorbide) มาแล้ว 3% ซึ่ง DMI ทำหน้าที่เป็นทั้งตัวทำละลายและช่วยเสริมการนำพาสารออกฤทธิ์เข้าสู่ผิวได้ดีอยู่แล้ว การจะเพิ่มสารนำพาอื่นๆ อีกหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการด้านประสิทธิภาพและการซึมสู่ผิวที่ต้องการ แต่ DMI 3% ก็ถือเป็นปริมาณที่ช่วยเสริมการซึมได้ในระดับหนึ่งแล้วครับ
    • อื่นๆ ที่ควรพิจารณา:
      • การปรับค่า pH: ควรมีการวัดและปรับค่า pH ของผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมกับผิว (โดยทั่วไปประมาณ 4.5-6.0) เพื่อความเสถียรของสูตรและไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว
      • สารให้ความชุ่มชื้นอื่นๆ (Humectants): เช่น Glycerin, Panthenol, Sodium Hyaluronate อาจพิจารณาเติมเพิ่มเพื่อเสริมคุณสมบัติด้านความชุ่มชื้นให้กับน้ำตบ
      • สารจับประจุ (Chelating Agent): เช่น Disodium EDTA อาจช่วยเพิ่มความเสถียรของสูตรและเสริมประสิทธิภาพของสารกันเสียได้

โดยสรุป สูตรที่คุณเสนอมาเป็นพื้นฐานที่ดี แต่ จำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องเพิ่มสารกันเสียเข้าไปในสูตร และควรมีการตรวจสอบและปรับค่า pH ครับ

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์นะครับ หากมีคำถามเพิ่มเติม ถามได้เลยครับ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Licorice Extract (Licochalcone A 1%, Water-Soluble)
Licorice Extract (Licochalcone A 1%, Water-Soluble)
เครื่องสำอาง
Galactomyces Ferment Filtrate (aka Pitera)
Galactomyces Ferment Filtrate (aka Pitera)
เครื่องสำอาง