คำแนะนำสำหรับการผสมสูตร

นี่คือคำแนะนำสำหรับการผสมส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมของคุณ ตามคำถามที่คุณสอบถามมา:

1. แชมพูที่มีส่วนประกอบของน้ำมันหอมระเหยและส่วนประกอบที่ละลายน้ำ

เพื่อให้สามารถรวมน้ำมันหอมระเหยเข้ากับสารลดแรงตึงผิวและส่วนประกอบที่ละลายน้ำในเบสแชมพูได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทำให้แชมพูขุ่น คุณสามารถใช้สารประสาน (solubilizer) ที่เหมาะสมได้ เพื่อคงความใสของแชมพู Flora Solve™ Clear หรือ Flora Foam™ เป็นตัวเลือกที่ดี

• Flora Solve™ Clear ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อช่วยละลายน้ำมันหอมระเหยและน้ำหอมในระบบที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ ช่วยสร้างสูตรที่ใสและคงตัวโดยไม่ต้องใช้แอลกอฮอล์
• Flora Foam™ ยังทำหน้าที่เป็นสารช่วยละลายน้ำหอมและสามารถช่วยรักษาความใสในสูตรที่มีสารลดแรงตึงผิว โดยเฉพาะสารลดแรงตึงผิวชนิด Amphoteric นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความข้นและความคงตัวของฟองได้

เลือกใช้ตัวที่เหมาะสมกับเป้าหมายโดยรวมของสูตรของคุณมากที่สุด และทดสอบเพื่อยืนยันความเข้ากันได้กับระบบสารลดแรงตึงผิวและน้ำมันหอมระเหยที่คุณใช้

2. ครีมนวดผมที่มีส่วนประกอบของน้ำมันหอมระเหยและส่วนประกอบที่ละลายน้ำ

เช่นเดียวกับแชมพู การใส่น้ำมันหอมระเหยลงในเบสครีมนวดผม (ซึ่งมักมีอิมัลซิไฟเออร์และสารปรับสภาพผม) จำเป็นต้องมีวิธีการกระจายเฟสน้ำมันเข้ากับเฟสน้ำ แม้ว่าครีมนวดผมส่วนใหญ่จะเป็นอิมัลชันขุ่น การใช้สารประสานอย่าง Flora Solve™ Clear หรือ Flora Foam™ ก็ยังช่วยให้แน่ใจว่าน้ำมันหอมระเหยกระจายตัวเข้ากับสูตรได้ดี

• Flora Solve™ Clear สามารถช่วยกระจายน้ำมันหอมระเหยในเฟสน้ำก่อนนำไปรวมกับเบสครีมนวดหลัก
• Flora Foam™ ก็สามารถช่วยในการรวมน้ำหอม/น้ำมันหอมระเหยเข้ากับระบบที่มีสารลดแรงตึงผิว ซึ่งมักเป็นส่วนหนึ่งของสูตรครีมนวดผม

แม้ในครีมนวดผมที่ขุ่น การละลายหรือการทำอิมัลชันของน้ำมันหอมระเหยอย่างเหมาะสมก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับความคงตัวและการกระจายตัวที่สม่ำเสมอ

3. ผลิตภัณฑ์เร่งการงอกของผม (น้ำมัน 12% / น้ำ 88%) สำหรับทำสเปรย์หรือเซรั่ม

สำหรับผลิตภัณฑ์เร่งการงอกของผมที่มีส่วนประกอบเป็นน้ำมัน 12% และน้ำ 88% (รวมถึงสารสกัดจากธรรมชาติที่ละลายน้ำได้) การรวมสองเฟสนี้เข้าด้วยกันต้องใช้อิมัลซิไฟเออร์ (สำหรับผลิตภัณฑ์ขุ่น) หรือสารประสาน (สำหรับผลิตภัณฑ์ใส/กึ่งใส)

• สำหรับเซรั่มเนื้อขุ่น: หากยอมรับเนื้อเซรั่มที่ไม่ใสได้ อิมัลซิไฟเออร์เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด Milk Lotion Maker เป็นสารทำอิมัลชันที่แนะนำสำหรับการสร้างเนื้อเซรั่มหรือโลชั่น สามารถรวมน้ำมันได้ถึง 40% โดยทั่วไปแนะนำให้ใช้ในอัตรา 2-3% สำหรับอัตราส่วนน้ำมัน/น้ำของคุณ และมักต้องใช้ความร้อนในระหว่างกระบวนการผสมเพื่อให้ได้อิมัลชันที่คงตัว
• สำหรับสเปรย์/เซรั่มที่ใสหรือกึ่งใส: การทำให้ผลิตภัณฑ์ใสและคงตัวอย่างสมบูรณ์ด้วยปริมาณน้ำมัน 12% เป็นเรื่องที่ท้าทายและอาจเป็นไปไม่ได้ด้วยสารประสานทั่วไปหากไม่ใช้ในความเข้มข้นที่สูงมาก
  • PEG-40 Hydrogenated Castor Oil เป็นสารประสานที่สามารถช่วยกระจายน้ำมันในน้ำได้ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้น้ำมัน 12% ยังคงความใส คุณอาจต้องใช้ PEG-40 Hydrogenated Castor Oil ในปริมาณที่สูงมากเมื่อเทียบกับปริมาณน้ำมัน (มักใช้อัตราส่วนสารประสานต่อน้ำมัน เช่น 3:1 หรือสูงกว่า) ความเข้มข้นที่สูงนี้อาจทำให้ผลิตภัณฑ์รู้สึกเหนียวหรือข้น และอาจยังคงได้ของเหลวที่กึ่งใสมากกว่าใสอย่างสมบูรณ์ การทดสอบเป็นสิ่งสำคัญเพื่อหาความเข้มข้นต่ำสุดที่ให้ประสิทธิภาพในการคงตัวและลักษณะที่ต้องการ
  • Laureth-7 โดยทั่วไปใช้เป็นอิมัลซิไฟเออร์เพื่อสร้างอิมัลชันขุ่น (เช่น ครีมหรือโลชั่น) และไม่เหมาะสำหรับการทำสเปรย์หรือเซรั่มที่ใส

เมื่อพิจารณาจากปริมาณน้ำมันที่สูงสำหรับสูตรสเปรย์ การสร้างสเปรย์ที่คงตัวอาจต้องเป็นผลิตภัณฑ์ประเภท "เขย่าก่อนใช้" ดังที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ สำหรับเซรั่มที่คงตัว การทำอิมัลชันขุ่นโดยใช้อิมัลซิไฟเออร์อย่าง Milk Lotion Maker เป็นแนวทางที่ตรงไปตรงมามากกว่า หากคุณต้องการผลิตภัณฑ์ที่ใสหรือกึ่งใส จำเป็นต้องมีการทดสอบอย่างละเอียดกับสารประสานอย่าง PEG-40 Hydrogenated Castor Oil หรือ Flora Solve™ Clear จะเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อหาความสมดุลที่เหมาะสมสำหรับความคงตัวและความใส และความใสสมบูรณ์แบบอาจไม่สามารถทำได้