การพัฒนาสูตรสกินแคร์สำหรับผิวแห้งมาก แพ้ง่าย มีสะเก็ดเงิน และเคยใช้สเตียรอยด์
คำถาม
ต้องการคำแนะนำในการพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับน้องสาวที่มีปัญหาผิวแห้งมาก แพ้ง่าย แตก เป็นขุย และมีริ้วรอย จากโรคสะเก็ดเงินและการใช้ยาสเตียรอยด์ (Elomet) มานานค่ะ
มีคำถามเฉพาะเจาะจงดังนี้ค่ะ:
- สำหรับผิวหน้า: มีแนวคิดจะใช้ Aloe Gel Base และเพิ่มสารแอคทีฟเพื่อลดริ้วรอยและเพิ่มความชุ่มชื้น โดยต้องการเพิ่ม Sea Kelp Extract 5%, Beta Glucan 2%, และ Repair Activator 10% เข้าไปในเบส ซึ่ง Aloe Gel Base มีสารกันเสียอยู่แล้ว จำเป็นต้องเพิ่มสารกันเสียแบบ Broad-spectrum เข้าไปอีกหรือไม่คะ?
- สำหรับโลชั่นทาผิวกาย: ต้องการทำโลชั่นสำหรับผิวกายที่แห้งมาก โดยใช้น้ำมันธรรมชาติประมาณ 20% ผสมกับสารให้ความชุ่มชื้นและอะมิโนต่างๆ ปริมาณน้ำมัน 20% นี้จะเพียงพอสำหรับผิวที่แห้งกร้านมากๆ หรือไม่คะ?
- สำหรับผื่นตามตัว: สามารถใช้ Aloe Gel Base ผสม Vitamin B12 เพื่อทดแทนยา Corticosteroid (Elomet) สำหรับผื่นตามตัวได้หรือไม่คะ?
คำตอบ
สวัสดีค่ะ เข้าใจเลยค่ะว่าอยากช่วยน้องสาวที่เผชิญปัญหาผิวแพ้ง่าย แห้ง แตก เป็นขุย และมีริ้วรอยจากสะเก็ดเงินและการใช้ยาสเตียรอยด์มานานนะคะ เป็นปัญหาผิวที่ซับซ้อนและต้องการการดูแลเป็นพิเศษค่ะ
จากการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและคำแนะนำจากทีมงาน MySkinRecipes สรุปคำแนะนำได้ดังนี้ค่ะ
สำหรับผิวหน้า
คุณมีแนวคิดที่ดีในการใช้ Aloe Gel Base และเพิ่มสารแอคทีฟเพื่อลดริ้วรอยและเพิ่มความชุ่มชื้นค่ะ สารที่คุณเลือกมาคือ Sea Kelp Extract, Beta Glucan, และ Repair Activator นั้น Beta Glucan และ Repair Activator เป็นสารที่ทีมงานแนะนำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผิวแพ้ง่าย ระคายเคือง และต้องการการฟื้นฟูค่ะ ส่วน Sea Kelp Extract ก็เป็นสารให้ความชุ่มชื้นที่ดีค่ะ
- การเพิ่มสารแอคทีฟและการใช้สารกันเสีย: คุณถามว่าจะต้องเพิ่มสารกันเสียหรือไม่ เนื่องจากเบสมีสารกันเสียอยู่แล้ว การเพิ่มสารแอคทีฟในปริมาณรวมค่อนข้างสูง (5% + 2% + 10% = 17%) เข้าไปในเบสสำเร็จรูปนั้น แนะนำให้เพิ่มสารกันเสียแบบ Broad-spectrum เพิ่มเติม ค่ะ แม้ว่าเบสจะมีสารกันเสียอยู่แล้ว แต่การเติมสารอื่นเข้าไปอาจทำให้ระบบสารกันเสียเดิมเจือจางลง หรือสารที่เติมเข้าไปอาจนำพาเชื้อจุลินทรีย์เข้ามาได้ การเพิ่มสารกันเสียจะช่วยให้ผลิตภัณฑ์มีความคงตัวและปลอดภัยจากการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ได้ดีขึ้นค่ะ ควรตรวจสอบคำแนะนำจากผู้จำหน่ายเบส Aloe Vera Gel ด้วยว่าสามารถเติมสารอื่นได้สูงสุดกี่เปอร์เซ็นต์โดยไม่ต้องเพิ่มสารกันเสีย สารกันเสียที่อ่อนโยนและแนะนำ เช่น Mild Preserved Eco, PE 1090 Preservative หรือ Mild Preserved COS
สำหรับโลชั่นทาผิว
คุณต้องการใช้น้ำมันธรรมชาติประมาณ 20% ผสมกับสารให้ความชุ่มชื้นและอะมิโนต่างๆ และถามว่า 20% หนักไปไหมสำหรับผิวที่แห้งมากๆ
- ปริมาณน้ำมัน: จากคำแนะนำของทีมงาน MySkinRecipes สำหรับสภาพผิวที่แห้งมากและมีปัญหาตามที่แจ้งมา แนะนำให้สูตรมีส่วนผสมของน้ำมันรวมประมาณ 50% ค่ะ เพื่อให้เนื้อผลิตภัณฑ์หนักและให้ความชุ่มชื้นได้อย่างเพียงพอ 20% อาจจะยังไม่เพียงพอสำหรับผิวที่แห้งกร้านมากๆ ค่ะ
- สารกลุ่มน้ำมันที่แนะนำ: ทีมงานแนะนำ SKIN-DEFENSE ซึ่งเป็นน้ำมันอยู่แล้ว หากใช้ในระดับ 10% ก็จะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำมันในสูตรได้มาก และยังช่วยลดการระคายเคืองและเสริมเกราะป้องกันผิวได้ดีค่ะ นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มน้ำมันอื่นๆ ที่เหมาะกับผิวแห้งแพ้ง่าย เช่น Shea Butter Light Oil หรือ Shea Butter เพื่อให้ได้ปริมาณน้ำมันรวมตามที่ต้องการประมาณ 50% ค่ะ
การใช้ Aloe Gel Base ผสม Vitamin B12 แทนยาสเตียรอยด์สำหรับผื่นตามตัว
คำถามนี้เป็นเรื่องสำคัญมากค่ะ ไม่แนะนำให้ใช้ Aloe Vera Gel ผสม Vitamin B12 เพื่อทดแทนยา Corticosteroid ที่แพทย์สั่งโดยเด็ดขาด ค่ะ
- ยาสเตียรอยด์ เป็นยาที่ใช้รักษาภาวะอักเสบของผิวหนัง เช่น สะเก็ดเงิน ซึ่งมีฤทธิ์ในการกดการอักเสบที่รุนแรง
- Vitamin B12 และ Aloe Vera Gel มีคุณสมบัติช่วยปลอบประโลมผิว ลดการระคายเคือง และให้ความชุ่มชื้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผิวที่มีปัญหา แต่ ไม่สามารถออกฤทธิ์ทดแทนยาที่มีฤทธิ์กดภูมิคุ้มกันหรือลดการอักเสบที่รุนแรงเท่ากับยาสเตียรอยด์ได้
- การหยุดใช้ยาสเตียรอยด์ทันทีหรือเปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์อื่นโดยไม่ปรึกษาแพทย์ อาจทำให้เกิดอาการ Rebound Effect คือผื่นเห่อขึ้นมาอย่างรุนแรงกว่าเดิมได้ค่ะ
- คำแนะนำที่ถูกต้อง: ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อวางแผนการลดการใช้ยาอย่างค่อยเป็นค่อยไปภายใต้การดูแลของแพทย์ค่ะ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของ Vitamin B12 และสารอื่นๆ ที่ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว ลดการอักเสบ และให้ความชุ่มชื้น (ตามรายการที่ทีมงานแนะนำด้านล่าง) จะมีบทบาทเป็น ผลิตภัณฑ์เสริม ที่ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวที่อ่อนแอจากการใช้ยา ลดอาการแห้ง แตก เป็นขุย และช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น ซึ่งอาจช่วยลดความจำเป็นในการใช้ยาลงได้ในระยะยาว แต่ไม่ใช่การทดแทนยาโดยตรงค่ะ
สารบำรุงที่ทีมงาน MySkinRecipes แนะนำสำหรับผิวนี้
ทีมงานแนะนำให้เน้นการฟื้นฟูเกราะป้องกันผิว ลดการระคายเคือง และเพิ่มความชุ่มชื้นอย่างเข้มข้นก่อนค่ะ เมื่อผิวแข็งแรงขึ้น ปัญหาเรื่องริ้วรอยก็จะดีขึ้นตามไปด้วยค่ะ สารที่แนะนำได้แก่:
- Ceramide Complex
- Bisabolol
- Beta Glucan
- Vitamin B12
- Vitamin B5
- SKIN-DEFENSE
- MOIST72
- Double Hyaluron Liquid
- Vitamin B3
- HYDRO-Urea
- Shea Butter / Shea Butter Light Oil
แนวทางการดูแล
- ปรึกษาแพทย์: สิ่งสำคัญที่สุดคือการปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อจัดการกับโรคสะเก็ดเงินและการใช้ยาสเตียรอยด์ค่ะ
- เน้นการฟื้นฟูเกราะป้องกันผิว: เลือกใช้สารบำรุงกลุ่มที่ทีมงานแนะนำ โดยเฉพาะ Ceramide Complex, Bisabolol, SKIN-DEFENSE, และ Vitamin B3
- เพิ่มความชุ่มชื้นอย่างเข้มข้น: สำหรับผิวกายที่แห้งมาก ควรทำโลชั่นที่มีส่วนผสมของน้ำมันประมาณ 50% ตามคำแนะนำของทีมงาน อาจใช้ Shea Butter Light Oil หรือ SKIN-DEFENSE เป็นหลัก
- หลีกเลี่ยงสารที่อาจก่อการระคายเคือง: เลือกใช้เบสและสารแอคทีฟที่อ่อนโยน ปราศจากน้ำหอม แอลกอฮอล์ และสารอื่นๆ ที่อาจกระตุ้นให้ผิวแพ้ได้ง่าย
หวังว่าคำแนะนำนี้จะเป็นประโยชน์ในการดูแลผิวให้น้องสาวนะคะ ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)

Sea Kelp Extract

Natural Bisabolol (Brazil Chamomile)

Panthenol (Vitamin B5, DL-Panthenol, Powder)

Shea Butter (Refined , Deodorised)

Aloe Vera Gel (Heavy)

Beta Glucan (Saccharomyces cerevisiae extract)

MOIST72™

Double Hyaluron Liquid

HYDRO-UREA® Liquid

Shea Butter Light Oil

SKIN-DEFENSE® V ลดระคายเคืองจากธรรมชาติ

Aloe Vera Gel (Lite)

Mild Preserved Eco™ (Preservative-Free)

Bisabolol (Alpha Bisabolol, Bisabolol RAC)

Vitamin B12 (Cyanocobalamin 1%) วิตามิน B12

D-Panthenol Care (Pro-Vitamin B5, 100% Liquid)

Ceramide Complex (Water/Oil Dispersible Powder)
