การประเมินสูตรสบู่เหลวสำหรับขวดปั๊มโฟมของคุณ

ขอบคุณที่แบ่งปันสูตรและคำถามของคุณค่ะ เรามาประเมินสูตรสบู่เหลวสำหรับขวดปั๊มโฟมที่คุณเสนอ โดยเน้นที่การได้ฟองโฟมหนานุ่ม ผิวชุ่มชื้นหลังอาบ กลิ่นหอมติดผิว และความเหมาะสมกับหัวปั๊มโฟม

สูตรเริ่มต้นของคุณประกอบด้วย:

• CocoBetaine 20%
• Creamy Foamer (Sodium Methyl Cocoyl Taurate) 5%
• Coco Foam (Cocamidopropyl Hydroxysultaine) 5%
• SulFoam (Disodium Laureth Sulfosuccinate) 5%
• Glycerin 5%
• Fragrance 5%
• Fractionated Coconut Oil 5%
• Hydro Protein (Hydrolyzed Vegetable Protein) 0.5%
• Phenoxyethanol 1%
• Citric Acid (สำหรับปรับ pH)
• Water to 100%

การประเมินสูตรและข้อแนะนำ

1. กลุ่มสารชำระล้าง (Cocamidopropyl Betaine, Creamy Foamer, Coco Foam, SulFoam): การผสมสารชำระล้างกลุ่มนี้ ซึ่งมีทั้งชนิด Amphoteric (Cocamidopropyl Betaine, Coco Foam) และ Anionic (Creamy Foamer, SulFoam) เป็นการผสมที่ดีในการสร้างฟองที่หนานุ่มและคงตัว ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ต้องการสำหรับสบู่ปั๊มโฟม ระดับสารชำระล้างรวมค่อนข้างสูง ซึ่งช่วยในการทำความสะอาดและสร้างฟอง สำหรับสบู่ปั๊มโฟม เนื้อผลิตภัณฑ์ต้องมีความหนืดต่ำ (คล้ายน้ำ) ความหนืดพื้นฐานจะขึ้นอยู่กับการผสมและสัดส่วนของสารชำระล้างเหล่านี้ คุณอาจต้องปรับสัดส่วนเล็กน้อยระหว่างการทดลองเพื่อให้แน่ใจว่าเนื้อเหลวพอสำหรับหัวปั๊ม
2. Fractionated Coconut Oil (5%): ตามที่ได้มีการพูดคุยในกระทู้ การใส่น้ำมัน 5% ในผลิตภัณฑ์ล้างออกอย่างสบู่เหลวเป็นเรื่องที่ท้าทายหากไม่มีตัวประสานที่เหมาะสม และมีแนวโน้มที่จะแยกชั้นเหมือนที่คุณเคยเจอจากการใช้น้ำมัน Grapeseed Oil น้ำมันในปริมาณสูงในผลิตภัณฑ์ล้างออกยังมีแนวโน้มที่จะลดฟองและอาจทิ้งความรู้สึกเหนอะหนะบนผิวได้ เพื่อให้ผิวรู้สึกชุ่มชื้นหลังล้าง สารที่สามารถเกาะติดผิวได้จะให้ผลดีกว่า แนะนำให้ตัด Fractionated Coconut Oil ออกจากสูตรนี้ หากต้องการใส่น้ำมันในปริมาณน้อยมากเพื่อประโยชน์ทางการตลาด จะต้องใช้ตัวประสาน/อิมัลซิไฟเออร์ที่เหมาะสมสำหรับผลิตภัณฑ์ล้างออก ซึ่งการทำให้สูตรใสและคงตัวเมื่อมีน้ำมันผสมอยู่เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก
3. Fragrance (5%): การใส่น้ำหอม 5% จำเป็นต้องใช้ตัวประสาน (Solubilizer) ที่มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันการแยกชั้นและคงความใส (หากต้องการ) Flora Solve Clear เป็นตัวประสานที่เหมาะสมสำหรับน้ำหอมในระบบน้ำ อย่างไรก็ตาม การละลายน้ำหอม 5% ให้ใสและคงตัวในระบบสารชำระล้างอาจทำได้ยากและมักต้องใช้ตัวประสานในปริมาณสูงเมื่อเทียบกับน้ำหอม (เช่น Flora Solve Clear 2-5 ส่วน ต่อน้ำหอม 1 ส่วน) ซึ่งหมายความว่าคุณอาจต้องใช้ Flora Solve Clear ถึง 10-25% ซึ่งเป็นปริมาณที่สูงและอาจส่งผลต่อคุณสมบัติและต้นทุนของสูตร หากความใสเป็นสิ่งสำคัญมาก คุณอาจพิจารณาลดปริมาณน้ำหอมลงเหลือ 0.5-1.0% ซึ่งเป็นปริมาณที่นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์ล้างออกและละลายได้ง่ายกว่า หากคุณต้องการใช้น้ำหอม 5% ให้เริ่มทดลองใช้ Flora Solve Clear ในอัตราส่วน 3:1 หรือ 4:1 (Flora Solve Clear 15-20%) และปรับตามความเหมาะสม โปรดทราบว่าการทำสูตรให้ใสสมบูรณ์เมื่อมีน้ำหอมปริมาณสูงอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย
4. สารให้ความชุ่มชื้น (Glycerin, Hydro Protein และอื่นๆ):
   • Glycerin (5%): Glycerin เป็น Humectant ที่ดีเยี่ยม ช่วยดึงความชื้นเข้าสู่ผิว ปริมาณ 5% เป็นระดับที่ดีในการให้ความชุ่มชื้น
   • Hydro Protein (Hydrolyzed Vegetable Protein) (0.5%): โปรตีนไฮโดรไลซ์สามารถให้ประโยชน์ในการบำรุงผิวได้บ้าง ปริมาณ 0.5% อยู่ในช่วงที่แนะนำ
   • สารให้ความชุ่มชื้นเพิ่มเติม: เพื่อเพิ่มความรู้สึกนุ่มชุ่มชื้นบนผิวหลังล้าง ตามที่คุณสอบถามถึงสารที่ให้ความรู้สึกนุ่มลื่นไม่เหนอะหนะ แนะนำอย่างยิ่งให้เพิ่มกลุ่มสาร Skin-Conditioning ที่มีประจุบวก (Cationic) สารกลุ่มนี้มีประจุบวกที่สามารถเกาะติดกับผิวซึ่งมีประจุลบได้ ทำให้ยังคงให้ความรู้สึกบำรุงผิวได้แม้จะถูกล้างออกไปแล้ว Poly-Conditioner 47 (Polyquaternium-47) เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับสบู่เหลวอาบน้ำ โดยทั่วไปใช้ในปริมาณ 0.1-3% การเพิ่ม Poly-Conditioner 47 1-2% จะช่วยให้ผิวรู้สึกดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังอาบน้ำ เมื่อเทียบกับการใช้ Humectant เพียงอย่างเดียวในผลิตภัณฑ์ล้างออก Methyl Gluceth-20 ก็เป็น Humectant เช่นเดียวกับ Glycerin และสามารถช่วยเรื่องความชุ่มชื้นได้ แต่ Cationic Polymer มักให้ผลเรื่อง Skin Feel ที่คงอยู่หลังล้างได้ดีกว่า
5. Phenoxyethanol (1%): เป็นสารกันเสียมาตรฐานและมีประสิทธิภาพที่ 1%
6. Citric Acid: ใช้สำหรับปรับ pH ให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมกับผิว (โดยทั่วไป 5.5-6.5) คุณจะต้องค่อยๆ เติมทีละน้อยและวัดค่า pH จนได้ค่าที่ต้องการ
7. Propylene Glycol: Propylene Glycol มีหลายหน้าที่ ทั้งเป็นตัวทำละลาย เป็น Humectant และช่วยปรับปรุง Skin Feel (ทำให้รู้สึกนุ่มลื่นขณะถู) นิยมใช้ในสบู่เหลวอาบน้ำด้วยเหตุผลเหล่านี้ และยังช่วยในการละลายส่วนผสมบางอย่าง เช่น น้ำหอม การใส่ Propylene Glycol 1-5% สามารถช่วยปรับปรุงเนื้อสัมผัสและความคงตัวโดยรวมของสูตรได้
8. ความหนืดสำหรับขวดปั๊มโฟม: ดังที่กล่าวไป สูตรต้องมีความหนืดต่ำ สารชำระล้างที่คุณเลือกใช้ในสูตรเริ่มต้นควรให้เนื้อที่เหลวพอสำหรับหัวปั๊มโฟมได้ แต่ต้องมีการทดสอบเพื่อยืนยัน หลีกเลี่ยงการใช้สารเพิ่มความหนืดแบบดั้งเดิม เช่น Sodium Chloride (ซึ่งใช้ได้ผลกับสารชำระล้าง Anionic บางชนิด เช่น SLS แต่ไม่ค่อยได้ผลกับ Amphoteric และ Sulfosuccinate ในสูตรนี้ และอาจทำให้แยกชั้นได้) หรือ Flora Foam (ซึ่งช่วยเพิ่มความหนืดให้กับสารชำระล้าง Amphoteric ทำให้เนื้อข้นขึ้น ไม่ใช่เหลวลง) คำแนะนำของทีมงานให้ตัด Sodium Chloride และเพิ่ม Flora Foam นั้นอยู่ในบริบทของสูตรอื่นที่ต้องการความข้น ไม่ใช่สำหรับสบู่เหลวปั๊มโฟม สำหรับสบู่ปั๊มโฟม ให้เน้นที่สัดส่วนของสารชำระล้างเพื่อให้ได้ความหนืดต่ำ

สูตรปรับปรุงที่แนะนำ

จากเป้าหมายของคุณและข้อแนะนำ:

• CocoBetaine 20%
• Creamy Foamer (Sodium Methyl Cocoyl Taurate) 5%
• Coco Foam (Cocamidopropyl Hydroxysultaine) 5%
• SulFoam (Disodium Laureth Sulfosuccinate) 5%
• Glycerin 5%
• Propylene Glycol 5%
• Flora Solve Clear 15% (ปรับตามการทดลอง อาจต้องการมากหรือน้อยกว่านี้ขึ้นอยู่กับชนิดน้ำหอม พิจารณาลดปริมาณน้ำหอมหากความใสเป็นสิ่งสำคัญที่สุด)
• Fragrance 5%
• Poly-Conditioner 47 1-2%
• Hydro Protein (Hydrolyzed Vegetable Protein) 0.5%
• Phenoxyethanol 1%
• Citric Acid (ปรับ pH ให้อยู่ในช่วง 5.5-6.5)
• Water to 100%

หมายเหตุ: ปริมาณ Water จะถูกปรับให้ครบ 100% หลังจากรวมส่วนผสมอื่นๆ ทั้งหมดแล้ว

สูตรปรับปรุงนี้ได้ตัดน้ำมันออก เพิ่มตัวประสานสำหรับน้ำหอม (แม้การทำให้ใสที่น้ำหอม 5% จะท้าทาย) เพิ่ม Propylene Glycol เพื่อปรับปรุงเนื้อสัมผัสและการละลาย และเพิ่ม Poly-Conditioner 47 เพื่อเพิ่มความรู้สึกบำรุงผิวหลังล้าง

ขั้นตอนต่อไป

• ทดลองทำสูตรปรับปรุงในปริมาณน้อยๆ
• ผสม Flora Solve Clear กับน้ำหอมก่อน จากนั้นจึงนำไปผสมกับส่วนของน้ำที่มีสารชำระล้าง, Glycerin, Propylene Glycol, Poly-Conditioner 47, Hydro Protein และ Phenoxyethanol
• ปรับ pH ด้วย Citric Acid.
• ตรวจสอบความหนืดเพื่อให้แน่ใจว่าเหมาะสมกับหัวปั๊มโฟม หากข้นเกินไป อาจต้องลดปริมาณสารชำระล้างรวมเล็กน้อย หรือปรับสัดส่วนระหว่างสารชำระล้าง
• ประเมินคุณภาพฟอง ความรู้สึกบนผิวหลังล้าง และประสิทธิภาพของกลิ่นหอม
• สังเกตความคงตัวของสูตรเมื่อเวลาผ่านไป (ตรวจสอบการแยกชั้นหรือการเปลี่ยนแปลงลักษณะ)

การพัฒนาสูตรที่คงตัว ใส และมีน้ำหอมหรือสารบำรุงในปริมาณสูง ต้องอาศัยการทดลองและปรับปรุงอย่างละเอียด