การพัฒนาสูตรสเปรย์น้ำหอมฉีดตัวที่ใช้แอลกอฮอล์น้อยและเบสที่เหมาะสม
คำถาม
ต้องการทำสเปรย์น้ำหอมฉีดตัวที่ติดทนนานโดยใช้แอลกอฮอล์น้อยหรือไม่ใช้เลย และกำลังพิจารณาสูตรที่ใช้ Reed Diffuser Base (Type 1) 45% ร่วมกับ Last Fix
1. Reed Diffuser Base (Type 1) เหมาะสำหรับนำมาใช้เป็นเบสสำหรับสเปรย์ฉีดตัวที่ใช้กับผิวหนังหรือไม่ แม้ว่า Last Fix จะละลายในแอลกอฮอล์ได้ก็ตาม
2. ขั้นตอนการผสมสำหรับสูตรลักษณะนี้ควรทำอย่างไรบ้าง รวมถึงการละลายสารช่วยตรึงกลิ่นและนำไปผสมกับเบส ควรใช้ความร้อนในการผสมหรือไม่
3. แอลกอฮอล์จะระเหยออกจากบีกเกอร์แบบเปิดในระหว่างการผสมหรือไม่
4. วิธีการทำความสะอาดบีกเกอร์ที่ใช้ผสมน้ำหอมควรทำอย่างไรจึงจะสะอาดหมดจด
5. ขวดสเปรย์ชนิดใด (พลาสติก vs แก้ว) ที่แนะนำสำหรับการบรรจุสเปรย์น้ำหอมฉีดตัว และมีจำหน่ายหรือไม่
คำตอบ
การทำสเปรย์น้ำหอมฉีดตัวที่ใช้แอลกอฮอล์น้อย
คุณต้องการทำสเปรย์น้ำหอมฉีดตัวที่ติดทนนานโดยใช้แอลกอฮอล์น้อยหรือไม่ใช้เลย ซึ่งเป็นแนวคิดที่ดีในการสำรวจเบสแบบต่างๆ ค่ะ
การใช้ Reed Diffuser Base (Type 1) สำหรับสเปรย์ฉีดตัว: Reed Diffuser Base (Type 1) ถูกออกแบบมาสำหรับก้านไม้หอมกระจายกลิ่นในบ้าน และไม่เหมาะสำหรับการนำมาใช้กับผิวหนัง ส่วนประกอบของมันมีไว้สำหรับการกระจายกลิ่นในอากาศ ไม่ใช่สำหรับการใช้ในเครื่องสำอาง แม้ว่า Last Fix จะละลายในแอลกอฮอล์ได้ แต่การใช้ Reed Diffuser Base เป็นส่วนประกอบหลักสำหรับสเปรย์ฉีดตัวก็ยังไม่แนะนำค่ะ
สูตรที่คุณเสนอ: สูตรที่คุณเสนอใช้ Reed Diffuser Base (Type 1) ถึง 45% ซึ่งไม่เหมาะสำหรับสเปรย์ฉีดตัว คุณจำเป็นต้องใช้เบสที่เหมาะสมสำหรับการใช้กับผิวหนังแทนค่ะ
เบสทางเลือกอื่นๆ:
- Fractionated Coconut Oil: ตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำ Fractionated Coconut Oil เป็นเบสที่ไม่มีแอลกอฮอล์ที่ดีเยี่ยมสำหรับสเปรย์ฉีดตัว เป็นน้ำมันที่บางเบา ซึมซาบง่าย และไม่รู้สึกเหนอะหนะบนผิว ในขณะเดียวกันก็ช่วยนำพากลิ่นน้ำหอมได้ดีค่ะ
- Ethyl Alcohol: หากคุณชอบความรู้สึกบางเบาและไม่ใช้น้ำมัน และยอมรับการใช้แอลกอฮอล์ในปริมาณน้อย Ethyl Alcohol สามารถใช้เป็นเบสได้ โดยอาจผสมกับสารช่วยตรึงกลิ่น (fixative) เช่น Dipropylene Glycol เพื่อช่วยให้กลิ่นติดทนนานขึ้น
ขั้นตอนการผสม: วิธีการทั่วไปในการละลายสารช่วยตรึงกลิ่น เช่น Last Fix ในตัวทำละลายที่เหมาะสมก่อนนำไปผสมกับเบสหลักนั้นเป็นวิธีที่สมเหตุสมผล อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการให้ความร้อนกับส่วนประกอบของน้ำหอมมากเกินไป เพราะอาจทำให้กลิ่นเปลี่ยนไปได้ สำหรับสเปรย์ฉีดตัวที่ใช้เบสสำหรับเครื่องสำอาง ขั้นตอนการผสมจะขึ้นอยู่กับเบสที่เลือกใช้ (เบสน้ำมันหรือเบสแอลกอฮอล์)
เวลาในการทำให้เย็น: หลังจากขั้นตอนการให้ความร้อนเพื่อละลายส่วนผสมใดๆ ควรปล่อยให้ส่วนผสมเย็นลงจนใกล้เคียงอุณหภูมิห้องก่อนเติมหัวน้ำหอมที่มีความผันผวนสูง เพื่อลดการระเหยและช่วยรักษากลิ่นน้ำหอมค่ะ
การระเหยของแอลกอฮอล์ในบีกเกอร์: ใช่ค่ะ แอลกอฮอล์จะระเหยออกจากบีกเกอร์แบบเปิดในระหว่างการผสม เพื่อลดการระเหย ควรทำงานในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก และพิจารณาใช้ภาชนะที่มีปากแคบกว่าหรือมีฝาปิด หากการระเหยเป็นข้อกังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ปริมาณมากหรือใช้เวลาผสมนาน
การทำความสะอาดบีกเกอร์: การล้างด้วยน้ำร้อนเพียงอย่างเดียวมักจะไม่สามารถขจัดคราบน้ำหอมออกได้หมด เนื่องจากน้ำมันไม่ละลายในน้ำ ในการทำความสะอาดบีกเกอร์ที่ใช้ผสมน้ำหอมอย่างมีประสิทธิภาพ ควรล้างด้วยตัวทำละลาย เช่น Ethyl Alcohol เพื่อละลายคราบน้ำหอมก่อน จากนั้นล้างด้วยสบู่และน้ำ และล้างออกให้สะอาดหมดจดอีกครั้งค่ะ
ขวดสเปรย์:
- ขวดสเปรย์พลาสติกสามารถใช้ได้ แต่ความเข้ากันได้กับน้ำหอมและการทนต่อการระเหยจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของพลาสติก พลาสติกบางชนิดอาจทำปฏิกิริยากับส่วนประกอบของน้ำหอม หรือทำให้กลิ่นระเหยไปตามกาลเวลาได้
- ขวดสเปรย์แก้วมักเป็นที่นิยมมากกว่าสำหรับน้ำหอม เนื่องจากแก้วไม่ทำปฏิกิริยากับน้ำหอมและไม่ซึมผ่าน ช่วยรักษาคุณภาพของกลิ่นและป้องกันการระเหยได้ดีกว่า คุณจะต้องตรวจสอบรายละเอียดสินค้าสำหรับขวดสเปรย์พลาสติกและแก้วที่มีจำหน่ายใน Myskinrecipes เพื่อดูความเหมาะสมสำหรับการบรรจุน้ำหอมค่ะ
ในการทำสเปรย์น้ำหอมฉีดตัวที่ติดทนนาน ให้พิจารณาใช้ Fractionated Coconut Oil เป็นเบสที่ไม่มีแอลกอฮอล์ หรือใช้เบสแอลกอฮอล์เกรดเครื่องสำอางที่เหมาะสม โดยผสมกับสารช่วยตรึงกลิ่น เช่น Dipropylene Glycol และ Last Fix (หากเข้ากันได้กับเบสที่คุณเลือกและเหมาะสมกับการใช้กับผิวหนัง) ควรตรวจสอบให้แน่ใจเสมอว่าส่วนผสมทั้งหมดเหมาะสมสำหรับการใช้เป็นเครื่องสำอางบนผิวหนังค่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Fractionated Coconut Oil

Dipropylene glycol

ถุงฟอยด์ 22x30ซม.
