การพัฒนาสูตรเจลความหนืดสูง แห้งช้า พร้อมเพิ่มสารสกัดสมุนไพร
คำถาม
ต้องการทำเจลที่มีความหนืดสูง แห้งช้า และต้องการเพิ่มสมุนไพรบางชนิดเข้าไป ไม่แน่ใจว่าควรใช้อัตราส่วนเท่าไหร่ และมีอะไรเพิ่มเติมไหมครับ หากผสมวิตามินและสมุนไพรบางชนิด มันจะทำให้การคงตัวลดลงหรือเปล่าครับ แล้วสามารถซึมสู่ผิวได้ไหม
คำตอบ
การทำเจลความหนืดสูง แห้งช้า และการเพิ่มสารสกัดสมุนไพร
สำหรับการทำเจลที่มีความหนืดสูงและแห้งช้า สามารถทำได้โดยใช้สารก่อเจล (Gelling Agent) ร่วมกับสารที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น (Humectant) และสารละลาย (Solvent)
สารประกอบหลักที่แนะนำ
สารก่อเจล (Gelling Agent):
- Carbomer 940: เป็นสารก่อเจลที่นิยมใช้ ให้เนื้อเจลใส มีความหนืดสูง แต่ไม่ทนต่ออิเล็กโทรไลต์และความเป็นกรด (pH ต่ำกว่า 5) จำเป็นต้องใช้สารปรับ pH ให้เป็นด่าง เช่น Triethanolamine เพื่อให้เกิดเจล
- Carbomer Ultrez 30: เป็นอีกทางเลือกที่ให้เนื้อเจลใส ใช้งานง่าย และมีความทนทานต่ออิเล็กโทรไลต์มากกว่า Carbomer 940 สามารถใช้ได้ในช่วง pH ที่กว้างกว่า (4-12)
อัตราส่วนการใช้สารก่อเจล: โดยทั่วไปใช้อัตราส่วน 0.1-3% ขึ้นอยู่กับความหนืดที่ต้องการ
สารช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น (Humectant) และสารละลาย (Solvent):
- Glycerin: ช่วยดึงและกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ที่ผิว ทำให้เจลแห้งช้าลง และยังเป็นตัวทำละลายที่ดี ช่วยให้ส่วนผสมอื่นๆ เข้ากันได้ดี สามารถใช้ได้ในอัตราส่วน 1-100% (แต่ไม่ควรทาบนผิวโดยตรงที่ความเข้มข้นสูงมาก)
- Propylene Glycol: เป็นทั้งสารหล่อลื่น ลดความหนืด ช่วยให้เนื้อเจลเกลี่ยง่าย เป็นตัวทำละลายที่ดี ช่วยเพิ่มความคงตัวของสูตร และช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ทำให้เจลแห้งช้าลง สามารถใช้ได้ในอัตราส่วน 1-20% (ไม่เกิน 50%)
การใช้ Glycerin และ Propylene Glycol ร่วมกันจะช่วยเสริมคุณสมบัติในการทำให้เจลแห้งช้าลงและช่วยละลายส่วนผสมต่างๆ ได้ดีขึ้น
สารปรับ pH (สำหรับ Carbomer 940):
- Triethanolamine 99%: ใช้เพื่อปรับ pH ของ Carbomer 940 ให้เป็นด่าง (pH 6-7) เพื่อให้เกิดเจล ใช้อัตราส่วนน้อยมาก ประมาณ 0.1-2.5%
การเพิ่มวิตามินและสมุนไพร
การเพิ่มวิตามินและสารสกัดสมุนไพรเข้าไปในสูตรเจล อาจส่งผลต่อความคงตัวและความหนืดของเจลได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากสารเหล่านั้นมีความเป็นกรด มีประจุ (อิเล็กโทรไลต์) หรือมีสารประกอบบางอย่างที่ทำปฏิกิริยากับสารก่อเจล
- ผลต่อความคงตัว: วิตามินบางชนิด (เช่น Vitamin C) และสารสกัดสมุนไพรบางตัวมีความไวต่อ pH แสง หรือความร้อน การใส่ลงในสูตรเจลอาจทำให้เสื่อมสภาพเร็วขึ้น ควรตรวจสอบคุณสมบัติของสารที่จะเติมและเลือกใช้สารก่อเจลที่เหมาะสม เช่น Carbomer Ultrez 30 ที่ทนต่ออิเล็กโทรไลต์ได้ดีกว่า Carbomer 940
ผลต่อความหนืด: สารที่มีอิเล็กโทรไลต์สูงอาจทำให้เจลที่ขึ้นด้วย Carbomer 940 คลายตัวลงได้ หากต้องการเติมสารที่มีอิเล็กโทรไลต์ ควรพิจารณาใช้ Carbomer Ultrez 30 หรือสารก่อเจลชนิดอื่นที่ทนอิเล็กโทรไลต์ได้
อัตราส่วนการใช้:* อัตราส่วนของวิตามินและสมุนไพรที่จะเพิ่มเข้าไปขึ้นอยู่กับชนิดและความเข้มข้นที่ต้องการในผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ควรเริ่มจากอัตราส่วนน้อยๆ และทดสอบความคงตัวและความหนืดของเจลที่ได้
การซึมสู่ผิว
เจลที่ทำจากสารก่อเจลกลุ่ม Carbomer ร่วมกับ Glycerin และ Propylene Glycol สามารถช่วยนำพาสารสำคัญบางชนิดซึมเข้าสู่ผิวได้ระดับหนึ่ง โดย Glycerin และ Propylene Glycol ช่วยในการละลายและนำพาสาร แต่การซึมลึกและประสิทธิภาพจะขึ้นอยู่กับ:
- ขนาดโมเลกุลของสารสำคัญ: สารที่มีขนาดเล็กจะซึมเข้าสู่ผิวได้ดีกว่า
- คุณสมบัติของสารสำคัญ: สารที่ละลายได้ดีในน้ำหรือน้ำมัน และมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับการซึมผ่านชั้นผิว
- ส่วนประกอบอื่นๆ ในสูตร: สารอื่นๆ ในสูตรอาจช่วยเสริมการซึมผ่านได้ เช่น สารที่ช่วยเปิดช่องว่างระหว่างเซลล์ผิว
โดยสรุป การทำเจลความหนืดสูง แห้งช้า สามารถใช้ Carbomer ร่วมกับ Glycerin และ Propylene Glycol ได้ การเพิ่มวิตามินและสมุนไพรต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อความคงตัวและความหนืด และควรเลือกใช้สารก่อเจลที่เหมาะสมกับส่วนผสมที่จะเติมเข้าไป สำหรับการซึมสู่ผิว เจลสามารถช่วยนำพาสารได้ แต่ประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับชนิดของสารสำคัญและส่วนประกอบอื่นๆ ในสูตร
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Propylene Glycol

Triethanolamine 99%

Glycerin (USP/Food Grade)

Carbomer 940 (EasyDisperse™, France)
