การพัฒนาสูตรเจลว่านหางจระเข้ผสมน้ำมันและสารออกฤทธิ์: คำถามเกี่ยวกับความคงตัวและส่วนผสม
คำถาม
ต้องการทำสูตรเจลว่านหางจระเข้ และต้องการเพิ่มน้ำมันและสารออกฤทธิ์อื่นๆ เข้าไป มีคำถามดังนี้ค่ะ:
- Alovera extract ที่เป็นน้ำ กับ ผงอโลเวร่า ความเข้มข้นต่างกันมั๊ยคะ
- ถ้าจากสูตร Alovera Gel เราใส่น้ำมันเพิ่มเข้า อายุผลิตภัณฑ์จะยังคงเป็น 2 ปีรึเปล่าคะ
- รบกวนขอสูตร Alovera gel ที่เพิ่มน้ำมันให้ด้วยค่ะ พร้อมส่วนผสมดังนี้:
- Avocado Oil
- Double Hyaluron Liquid
- Cucumber Extract
- Alpha Arbutin
- Vitamin A, C, และ E
- Glycerin
คำตอบ
การทำเจลว่านหางจระเข้ผสมน้ำมันและสารออกฤทธิ์
เป็นเรื่องที่ดีที่คุณค้นพบส่วนผสมที่ใช้แล้วได้ผลดีกับผิวของคุณค่ะ การทำสูตรด้วยตัวเองช่วยให้คุณปรับเปลี่ยนส่วนผสมได้ตามต้องการ แต่สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจหลักการเบื้องหลังการทำผลิตภัณฑ์ที่คงตัวและปลอดภัย
นี่คือคำตอบสำหรับคำถามของคุณ โดยอิงจากหลักการการทำสูตรและส่วนผสมที่มีอยู่:
1. การผสมน้ำมันกับเนื้อเจล
ใช่ค่ะ โดยทั่วไปแล้ว เมื่อคุณผสมน้ำมันลงในเจลที่มีเบสเป็นน้ำ คุณจำเป็นต้องใช้ สารประสานเนื้อ (Emulsifier) เพื่อช่วยเชื่อมเฟสน้ำมันและน้ำเข้าด้วยกัน หากไม่มีสารประสานเนื้อ น้ำมันและเจลจะแยกชั้นเมื่อเวลาผ่านไป คล้ายกับการแยกชั้นของน้ำมันและน้ำส้มสายชูในน้ำสลัด สารสร้างเนื้อเจลบางชนิด เช่น Pro Polymer สามารถช่วยให้คงตัวกับน้ำมันปริมาณเล็กน้อยได้ แต่สำหรับการใส่น้ำมันในปริมาณที่มากขึ้น สารประสานเนื้อโดยเฉพาะเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ผลิตภัณฑ์คงตัวและเป็นเนื้อเดียวกันในระยะยาว
เกี่ยวกับความคงตัวเมื่อเวลาผ่านไป การผสมเองที่บ้านโดยไม่มีการทำสูตรที่เหมาะสม มักจะประสบปัญหาหลักสองประการ:
- การแยกชั้น: ดังที่กล่าวไป หากไม่มีสารประสานเนื้อ น้ำมันและน้ำจะแยกชั้นออกจากกัน
- การเหม็นหืนและการเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์: น้ำมันสามารถเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันและเหม็นหืนได้ ทำให้มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ ที่สำคัญกว่านั้น ผลิตภัณฑ์ใดๆ ที่มีน้ำ (เช่น เจล) เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของแบคทีเรีย เชื้อรา และยีสต์ เพื่อป้องกันปัญหานี้ คุณจำเป็นต้องใช้ สารกันเสีย (Preservative) เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ปลอดภัยต่อการใช้งานและมีอายุการเก็บรักษาที่เหมาะสม สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) (เช่น วิตามินอี) สามารถช่วยชะลอการเหม็นหืนของน้ำมันได้
การสร้างอิมัลชันแบบน้ำมันในเจลหรือน้ำมันในน้ำที่คงตัว ต้องมีการคัดเลือกส่วนผสมอย่างระมัดระวัง และทำความเข้าใจความเข้ากันได้และอัตราส่วนการใช้งาน การศึกษาคู่มือการผสมพื้นฐานและเริ่มต้นด้วยเบสสำเร็จรูป เช่น Aloe Vera Gel (Heavy) หรือ Aloe Vera Gel (Lite) สามารถช่วยให้กระบวนการง่ายขึ้น หากทำสูตรตั้งแต่ต้น คุณจะต้องใช้สารสร้างเนื้อเจล (เช่น Pro Polymer หรือ Sepimax Zen) สำหรับเฟสน้ำ และสารประสานเนื้อ (เช่น CreamMaker EG หรือ SepGEL 305) เพื่อรวมเฟสน้ำมันเข้าด้วยกัน
2. การเพิ่มส่วนผสมที่ต้องการและคำแนะนำเพิ่มเติม
ส่วนผสมที่คุณต้องการเพิ่ม ได้แก่ Avocado Oil, Double Hyaluron Liquid, Cucumber Extract, Alpha Arbutin, วิตามิน A, C, และ E, และ Glycerin ล้วนเป็นส่วนผสมที่ดีต่อผิวและสามารถนำมาผสมในสูตรเจลได้ การใส่ส่วนผสมเหล่านี้และอัตราส่วนจะขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ที่ต้องการและโครงสร้างโดยรวมของสูตร (ไม่ว่าจะใช้เบสสำเร็จรูปหรือทำสูตรตั้งแต่ต้น)
- Avocado Oil (Avocado Oil (Refined)) เป็นน้ำมันบำรุงผิวที่อุดมด้วยกรดไขมันและวิตามิน เหมาะสำหรับเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวแห้ง ควรเติมในเฟสน้ำมัน (หากใช้สารประสานเนื้อ) หรือกระจายตัวอย่างระมัดระวังหากสารสร้างเนื้อเจลสามารถรองรับน้ำมันได้บ้าง
- Double Hyaluron Liquid ให้ความชุ่มชื้นด้วยไฮยาลูรอนิกแอซิดทั้งโมเลกุลขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ละลายน้ำได้และเติมลงในเฟสน้ำหรือเบสเจลได้ง่าย
- Cucumber Extract (France) มีคุณสมบัติช่วยปลอบประโลมและทำให้ผิวนุ่ม เหมาะสำหรับผิวหน้าและรอบดวงตา ละลายน้ำได้และเติมในเฟสน้ำ
- Alpha Arbutin (Switzerland) เป็นสารช่วยให้ผิวกระจ่างใสยอดนิยม ละลายน้ำได้และโดยทั่วไปจะเติมในขั้นตอนสุดท้ายที่อุณหภูมิต่ำกว่า 30°C โดยต้องแน่ใจว่าค่า pH อยู่ระหว่าง 3.5-6.5
- Glycerin (USP/Food Grade) เป็นสารให้ความชุ่มชื้นที่ช่วยดึงน้ำเข้าสู่ผิว ละลายน้ำได้และสามารถเติมในเฟสน้ำได้
- Vitamin A: รูปแบบเช่น Vitamin A Palmitate หรือ Retinol เป็นชนิดละลายในน้ำมัน (Retinol แบบผงต้องใช้ตัวทำละลายเฉพาะ) ต้องจัดการอย่างระมัดระวังเนื่องจากความคงตัวและข้อจำกัดอัตราการใช้
- Vitamin C: มีหลายรูปแบบ บางชนิดละลายน้ำได้ (Vitamin C (L-ascorbic acid) (Fine), Sodium Ascorbyl Phosphate (Vitamin C SAP)) และบางชนิดละลายในน้ำมัน (Perfect-C™ (Ascorbyl Tetraisopalmiate)) ความคงตัวและข้อกำหนดค่า pH แตกต่างกันอย่างมากในแต่ละชนิด
- Vitamin E: รูปแบบเช่น Vitamin E (Tocopheryl Acetate) หรือ Vitamin E (dl-alpha tocopherol) เป็นชนิดละลายในน้ำมันและทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระสำหรับเฟสน้ำมันและผิวหนัง ผสมในเฟสน้ำมัน
สำหรับสารสกัดเพิ่มเติม ลองพิจารณาสารสกัดที่ละลายน้ำได้ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยปลอบประโลมหรือต้านอนุมูลอิสระ เช่น Calendula Extract (Water Soluble) หรือ CleanTea™ Liquid (Green Tea Extract Deodorizer)
3. การใช้น้ำว่านหางจระเข้สด
ตามคำแนะนำก่อนหน้านี้ คุณไม่ควรใช้น้ำว่านหางจระเข้สดจากต้นโดยตรง ในการทำเครื่องสำอางใช้เองที่ต้องการเก็บรักษา วัสดุจากพืชสดมีปริมาณเชื้อแบคทีเรียสูงมาก และจะทำให้ผลิตภัณฑ์ของคุณเสียอย่างรวดเร็ว อาจภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือวัน แม้จะใส่สารกันเสียก็ตาม ซึ่งอาจนำไปสู่การระคายเคืองผิวหรือการติดเชื้อได้
ส่วนผสมที่มีจำหน่ายทั่วไป เช่น Aloe Vera Extract (extraction ratio 10:1 FullAssay™) ได้รับการแปรรูปเพื่อให้ปลอดภัยจากเชื้อจุลินทรีย์และคงตัวสำหรับใช้ในเครื่องสำอาง คุณจะใช้อัตราส่วนเล็กน้อย (เช่น 1-10%) ของสารสกัดเข้มข้นนี้ในสูตรของคุณ ไม่ใช่การใช้น้ำว่านหางจระเข้สดแทนน้ำทั้งหมด คุณยังคงต้องใช้ส่วนผสมอื่นๆ เช่น สารสร้างเนื้อเจล (หากทำสูตรตั้งแต่ต้น) สารกันเสีย และอาจรวมถึงสารประสานเนื้อหากต้องการเติมน้ำมัน
โดยสรุป การผสมน้ำมันกับเจลเป็นไปได้และมีประโยชน์ แต่การทำให้ผลิตภัณฑ์คงตัว ปลอดภัย และมีอายุการใช้งานยาวนาน ต้องอาศัยความเข้าใจหลักการทำสูตรพื้นฐาน รวมถึงการใช้สารประสานเนื้อ สารกันเสีย และสารต้านอนุมูลอิสระ และการใช้ส่วนผสมเกรดเครื่องสำอางที่คงตัว แทนการใช้วัสดุจากพืชสด
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin E (Tocopheryl Acetate)

Alpha Arbutin (Switzerland)

Aloe Vera Extract (อัตราสกัด 10:1 FullAssay™)

Avocado Oil (Refined)

Calendula Extract (Water Soluble)

Vitamin C (L-ascorbic acid) (Fine)

Vitamin E (dl-alpha tocopherol)

Glycerin (USP/Food Grade)

Aloe Vera Gel (Heavy)

Vitamin A Palmitate (retinyl palmitate, 1MIU/g)

Cucumber Extract (France)

Pro Polymer™ (Gel Maker)

Double Hyaluron Liquid

Perfect-C™ (Ascorbyl Tetraisopalmitate)

Aloe Vera Gel (Lite)

SepGEL 305

Retinol (100% Pure Powder)

CleanTea™ Liquid (Green Tea Extract Deodorizer)
