การพัฒนาสูตรเจลเปลี่ยนสีผิวและรักษาสิวอุดตัน
คำถาม
เกี่ยวกับสูตรเจลเปลี่ยนสีผิวและรักษาสิวอุดตัน:
1. เจลเปลี่ยนสีผิว (Self-Tanning Gel)
ฉันมีสูตรเจลเปลี่ยนสีผิว ดังนี้:
- Water
- Ethoxydiglycol
- DHA 3.5%
- EasyTan™ 1.5%
- Pro Polymer
- Mild Preserved Eco
ฉันเข้าใจว่านี่คือผลิตภัณฑ์ Self-Tanning แบบค่อยๆ เปลี่ยนสี ซึ่งสีจะพัฒนาขึ้นในเวลาหลายชั่วโมงและอยู่ได้ประมาณ 2-7 วัน ไม่ใช่แบบล้างออก และการสครับผิวจะทำให้สีจางเร็วขึ้น
ฉันเคยเห็นอีกสูตรในฟอรั่มที่มี DHA 10%, Reservoir-Tech 5%, และ Aloe Vera Gel 85% ซึ่งสีจะเริ่มปรากฏในประมาณ 3 ชั่วโมง อยู่ได้ประมาณ 5 วัน และสามารถทาทับใหม่ได้
หากเพิ่ม EasyTan™ (Erythrulose) เข้าไปในสูตรปัจจุบันของฉัน (DHA 3.5%, EasyTan™ 1.5%) ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรคะ จะติดทนขึ้นหรือเข้มขึ้น หรือให้ผลแบบไหนคะ?
จากสูตรที่มี Reservoir-Tech (DHA 10%, Reservoir-Tech 5%, Aloe Vera Gel 85%) จะทำอย่างไรให้สีติดทนได้นานขึ้นคะ ทีมงานเคยแนะนำว่าการเพิ่ม Reservoir-Tech มากขึ้นไม่ได้ช่วยให้ติดทนขึ้นมากนัก (สูงสุดที่ 3-5%)
ควรทาเจลเปลี่ยนสีผิวบ่อยแค่ไหนเพื่อให้ผิวแทนเร็วขึ้นคะ?
2. สิวอุดตัน
ปัจจุบันฉันใช้ Differin รักษาสิวอุดตันอยู่และดูเหมือนว่าจะได้ผลดี ฉันกำลังพิจารณาเปลี่ยนมาใช้สูตร BHA (Salicylic Acid) แทน โดยอาจเพิ่ม Pro Polymer 1% ตามคำแนะนำของทีมงานเพื่อปรับเนื้อและลดการตกตะกอน
Differin มีความแตกต่างหรือดีกว่า BHA (Salicylic Acid) ในการรักษาสิวอุดตันอย่างไรคะ ควรใช้ Differin ต่อไปหรือไม่ถ้ามันได้ผลดีอยู่แล้ว?
แสงไฟปกติภายในอาคาร (เช่น แสงจากโคมไฟอ่านหนังสือ) มีผลต่อผิวหลังจากทา Differin ตอนกลางคืนหรือไม่ หรือว่ากังวลเฉพาะแสงแดดเท่านั้นคะ?
คำตอบ
Subject: Re: ถามtanningและสิวอุคตันคะ
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณสำหรับคำถามเกี่ยวกับสูตรแทนนิ่งและปัญหาสิวอุดตันนะคะ
1. เจลเปลี่ยนสีผิว (Self-Tanning Gel)
จากสูตรที่คุณให้มา (Water, Ethoxydiglycol, DHA 3.5%, EasyTan™ 1.5%, Pro Polymer, Mild Preserved Eco) เป็นผลิตภัณฑ์ประเภท Self-Tanning แบบค่อยๆ เปลี่ยนสีผิวให้เป็นสีแทนค่ะ กลไกการทำงานคือสาร DHA และ Erythrulose (EasyTan™) จะทำปฏิกิริยากับกรดอะมิโนในเซลล์ผิวที่ตายแล้วชั้นบนสุด (stratum corneum) ทำให้เกิดสีน้ำตาลชั่วคราว ไม่ได้เป็นการเปลี่ยนเม็ดสีผิวจากภายในแต่อย่างใด สีจะค่อยๆ ชัดขึ้นในเวลาหลายชั่วโมงและจะจางลงเมื่อเซลล์ผิวชั้นบนหลุดลอกตามธรรมชาติ ซึ่งมักจะอยู่ได้ประมาณ 2-7 วัน ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่ทาแล้วล้างออกเหมือนเมคอัพค่ะ ความเข้าใจของคุณถูกต้องแล้วค่ะ
เรื่องการสครับผิว สามารถทำได้ตามปกติค่ะ อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก Self-Tanner ทำปฏิกิริยากับเซลล์ผิวที่ตายแล้ว การสครับผิวจะทำให้เซลล์ผิวชั้นบนหลุดลอกเร็วขึ้น ซึ่งจะทำให้สีแทนจางลงเร็วขึ้นด้วย การสครับผิวอย่างอ่อนโยนก่อนทา Self-Tanner สามารถช่วยให้สีผิวแทนที่ได้สม่ำเสมอมากขึ้นค่ะ
คุณกล่าวถึงกระทู้ที่บอกว่าสูตรแรกเห็นผลไม่ชัดเจน ความเข้มและความเร็วในการเปลี่ยนสีผิวขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์คือ DHA และ Erythrulose (EasyTan™) รวมถึงการซึมเข้าสู่ผิวด้วยค่ะ
คุณยังได้อ้างอิงถึงอีกสูตรจากกระทู้ในฟอรั่ม (DHA 10%, Reservoir-Tech 5%, Aloe Vera Gel 85%) ความเข้าใจของคุณเกี่ยวกับสูตรนี้ถูกต้องค่ะ คือเป็นแบบทาทิ้งไว้ไม่ต้องล้างออก สีจะเริ่มปรากฏในเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง อยู่ได้ประมาณ 5 วัน และสามารถทาทับใหม่ได้เมื่อสีจางลง การมี Reservoir-Tech ช่วยกักเก็บสาร Self-Tanning ไว้บนผิวได้นานขึ้น ซึ่งมีส่วนช่วยให้สีแทนติดทนขึ้นค่ะ
เกี่ยวกับการเพิ่มความเข้มข้นของ DHA และ EasyTan™:
- ในสูตรแรก (DHA 3.5%, EasyTan™ 1.5%) การเพิ่มความเข้มข้นของ DHA (เช่น 5-10%) และ EasyTan™ (เช่น 5%) โดยทั่วไปจะทำให้สีแทนปรากฏเร็วขึ้นและเข้มขึ้นค่ะ อย่างไรก็ตาม การใช้ความเข้มข้นสูงเกินไป โดยเฉพาะ DHA (เกิน 10-15%) บางครั้งอาจทำให้สีที่ได้ดูไม่เป็นธรรมชาติออกส้ม หรือเป็นคราบได้ค่ะ EasyTan™ (Erythrulose) มักจะทำงานช้ากว่า DHA แต่ให้สีที่ดูเป็นธรรมชาติกว่าและช่วยลดการเกิดคราบเมื่อใช้ร่วมกัน ความเข้มข้นที่นิยมใช้เพื่อให้เห็นผลชัดเจนอาจอยู่ที่ประมาณ 5-10% ของ DHA + Erythrulose รวมกัน โดยมักจะใช้ DHA ในสัดส่วนที่สูงกว่า การเพิ่มตามที่คุณเสนอจะให้ผลที่ชัดเจนและเร็วกว่าสูตรเดิมค่ะ
- การเพิ่ม EasyTan™ ในสูตรที่สอง (DHA 10%, Reservoir-Tech 5%, Aloe Vera Gel 85%) ตามที่ทีมงานได้ตอบไว้ จะช่วยให้สีแทนปรากฏเร็วขึ้นและอาจเข้มขึ้น แต่ไม่ได้ช่วยให้สีติดทนได้นานขึ้นอย่างมีนัยสำคัญค่ะ ความติดทนส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับ Reservoir-Tech และอัตราการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติค่ะ
สำหรับการทาเพื่อให้ผิวแทนเร็วขึ้น สามารถทาเจลได้ทุกวัน อาจจะวันละ 1-2 ครั้ง จนกว่าจะได้สีผิวแทนที่ต้องการค่ะ เมื่อได้สีที่พอใจแล้ว สามารถลดความถี่ลงเหลือทาทุกๆ สองสามวัน หรือตามที่ต้องการเพื่อรักษาสีผิวไว้ค่ะ
2. สิวอุดตัน
คุณกำลังใช้ Differin (adapalene) รักษาสิวอุดตันและกำลังพิจารณาเปลี่ยนมาใช้สูตร BHA (Salicylic Acid) แทน
ตามที่ทีมงานได้แนะนำ หาก Differin ใช้แล้วได้ผลดีกับสิวอุดตันของคุณ โดยทั่วไปแนะนำให้ใช้ต่อเนื่องค่ะ Differin เป็นยาในกลุ่มเรตินอยด์ที่ต้องมีใบสั่งแพทย์ มีประสิทธิภาพในการรักษาสิว รวมถึงสิวอุดตัน โดยช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวและป้องกันการอุดตันในรูขุมขน BHA (Salicylic Acid) ก็มีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิวและช่วยละลายสิ่งอุดตันในรูขุมขนได้เช่นกัน แต่ประสิทธิภาพอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลและชนิดของสิวอุดตัน หาก Differin ให้ผลลัพธ์ที่ดีอยู่แล้ว การเปลี่ยนไปใช้อย่างอื่นอาจทำให้การรักษาได้ผลน้อยลงได้ค่ะ หาก Differin ใช้แล้วยังเห็นผลไม่ดีพอ หรือไม่เพียงพอ จึงค่อยพิจารณาผสมสูตร BHA ตามที่คุณสอบถามได้ค่ะ โดยควรเพิ่ม Pro Polymer 1% ตามคำแนะนำของทีมงาน เพื่อปรับเนื้อให้เป็นเจลและช่วยลดโอกาสการตกตะกอนของ BHA ค่ะ
เกี่ยวกับเรื่องการใช้ Differin กับแสง: Differin เช่นเดียวกับยาในกลุ่มเรตินอยด์อื่นๆ อาจทำให้ผิวไวต่อแสงแดด (รังสี UV) มากขึ้นค่ะ นี่คือเหตุผลที่มักแนะนำให้ทาตอนกลางคืน และจำเป็นต้องทาครีมกันแดดทุกวันในช่วงที่ใช้ยา อย่างไรก็ตาม แสงไฟปกติภายในอาคาร (เช่น แสงจากโคมไฟอ่านหนังสือ) ไม่ได้ปล่อยรังสี UV ในปริมาณมากพอที่จะทำให้ผิวของคุณ "ไหม้" หรือเสียหายเพียงแค่โดนแสงหลังจากทา Differin ค่ะ ความกังวลหลักคือการสัมผัสกับแสงแดด ดังนั้น คุณสามารถอ่านหนังสือภายใต้แสงไฟปกติได้อย่างปลอดภัยหลังจากทา Differin ค่ะ สิ่งสำคัญคือการป้องกันแสงแดดอย่างเพียงพอในเวลากลางวันค่ะ
หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์นะคะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

SNAP-8®

Vitamin C (L-ascorbic acid) (Fine)

Salicylic Acid (BHA) กรดซาลิไซลิค

Salicylic Acid EZ™ (ชนิดละลายน้ำ)

Dihydroxyacetone (DHA)

EasyTan™ (Erythrulose)
