การพัฒนาสูตรเซรั่มลดริ้วรอยและผิวขาวกระจ่างใส (กระบวนการเย็น)
คำถาม
ต้องการทำเซรั่มโดยใช้ส่วนผสมดังนี้:
- Galactomyces Ferment Filtrate (aka. Pitera) 35%
- Acetyl Hexapeptide-8 (eq. Argireline) 10%
- Pal-GHK, Pal-GQPR (eq. Matrixyl 3000) 5%
- Repair Activator™ Liquid (Bifida Ferment Lysate) 10%
- DMAE (SkinTight MD™) Liquid 5%
- Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide) 10%
- Alpha Arbutin (Switzerland) 2%
- Activated resorcinol 0.2%
- Dimethyl Isosorbide DMI -10%
- Natto Gum 5%
- Panthenol (Vitamin B5) ExtraLite 5%
ต้องการเซรั่มที่ช่วยลดริ้วรอยและป้องกันการเกิดใหม่ ลดฝ้า กระ จุดด่างดำ และทำให้ผิวแข็งแรง ส่วนผสมตามนี้มีสารตัวไหนที่เข้ากันไม่ได้ หรือต้องเพิ่มเติมตรงไหนบ้างคะ หากต้องการนำมาผสมกันโดยไม่ผ่านความร้อน
คำตอบ
จากรายการส่วนผสมที่คุณระบุมา ถือว่ามีส่วนผสมที่ดีสำหรับการทำเซรั่มลดริ้วรอย ลดฝ้า กระ จุดด่างดำ และเสริมเกราะป้องกันผิวค่ะ
นี่คือข้อมูลเกี่ยวกับส่วนผสมและข้อควรพิจารณาสำหรับการทำเซรั่มแบบไม่ใช้ความร้อน (cold process) ของคุณ:
ส่วนผสมและประโยชน์:
- Galactomyces Ferment Filtrate (Pitera), Bifida Ferment Lysate (Repair Activator™), Natto Gum: สารหมักและสารสกัดจากธรรมชาติเหล่านี้ดีเยี่ยมสำหรับการปรับสภาพผิว เสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ให้ความชุ่มชื้น และอาจมีผลช่วยลดเลือนริ้วรอย
- Acetyl Hexapeptide-8 (Argireline), Matrixyl 3000 (Pal-GHK, Pal-GQPR), DMAE: เป็นสารออกฤทธิ์ลดเลือนริ้วรอยที่มีศักยภาพ ช่วยลดการปรากฏของริ้วรอยและปรับปรุงความกระชับของผิว
- Niacinamide (Vitamin B3), Alpha Arbutin, Activated Resorcinol (4-Butyl Resorcinol): เป็นส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพในการลดเลือนจุดด่างดำ ฝ้า กระ และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอขึ้น Niacinamide ยังช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวและมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ
- Panthenol (Vitamin B5): เป็นสารให้ความชุ่มชื้นที่ดีเยี่ยมและช่วยปลอบประโลมผิว สนับสนุนความชุ่มชื้นและฟังก์ชันของเกราะป้องกันผิว
- Dimethyl Isosorbide (DMI): ทำหน้าที่เป็นตัวทำละลายและสารเสริมการซึมผ่าน ช่วยให้สารออกฤทธิ์อื่นๆ ซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น
ความเข้ากันได้และการผสม:
- ความเข้ากันได้: โดยทั่วไปแล้ว ส่วนผสมที่คุณระบุมาสามารถเข้ากันได้ดี อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่สำคัญที่สุด เมื่อผสมสารออกฤทธิ์หลายชนิดเข้าด้วยกัน เช่น เปปไทด์ วิตามิน (Niacinamide) DMAE และสารปรับสีผิว (Alpha Arbutin, Activated Resorcinol) คือ ค่า pH สุดท้ายของเซรั่ม สารออกฤทธิ์แต่ละชนิดมีช่วงค่า pH ที่เหมาะสมสำหรับความเสถียรและประสิทธิภาพ การผสมรวมกันจำเป็นต้องหาค่า pH ที่เหมาะสมสำหรับส่วนใหญ่ หรืออย่างน้อยก็ไม่ทำให้เกิดการเสื่อมสภาพหรือการระคายเคืองมากเกินไป ค่า pH ระหว่าง 5.0 ถึง 6.0 มักเป็นช่วงที่เหมาะสมสำหรับสูตรที่มีส่วนผสมเหล่านี้ เนื่องจากโดยทั่วไปแล้วผิวสามารถทนได้ดี และยังช่วยรักษาความเสถียรของสารออกฤทธิ์หลายชนิด รวมถึง Alpha Arbutin และ Niacinamide
- เปอร์เซ็นต์: เปอร์เซ็นต์ที่คุณระบุมา (รวมกันได้ 97.2%) น่าจะเป็นอัตราการใช้ที่แนะนำของวัตถุดิบตามที่ผู้จำหน่ายระบุ ไม่ใช่เปอร์เซ็นต์สุดท้ายในสูตรเซรั่มของคุณ ในการทำเซรั่ม คุณจะต้องมี ของเหลวที่เป็นเบส โดยทั่วไปคือน้ำบริสุทธิ์ (Aqua) เพื่อเจือจางสารออกฤทธิ์เข้มข้นเหล่านี้ให้อยู่ในความเข้มข้นที่เหมาะสมสำหรับการใช้งาน
- การผสมแบบไม่ใช้ความร้อน (Cold Process): ส่วนผสมทั้งหมดที่คุณระบุมาเหมาะสำหรับการผสมแบบไม่ใช้ความร้อน ซึ่งหมายความว่าคุณไม่จำเป็นต้องให้ความร้อนกับส่วนผสม
สิ่งที่จำเป็นต้องเพิ่ม:
- น้ำ (Aqua): จะเป็นส่วนประกอบหลักของเบสเซรั่มของคุณ เพื่อเจือจางสารออกฤทธิ์เข้มข้น
- ระบบสารกันเสีย (Preservative System): จำเป็นอย่างยิ่ง สำหรับสูตรที่เป็นน้ำ เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย เชื้อรา และยีสต์ เลือกระบบสารกันเสียที่ครอบคลุมและเหมาะสมกับช่วงค่า pH ที่คุณต้องการและวิธีการผสมแบบไม่ใช้ความร้อน
- สารปรับค่า pH (pH Adjuster): คุณจะต้องใช้กรด (เช่น สารละลาย Lactic Acid หรือ Citric Acid) หรือเบส (เช่น สารละลาย Sodium Hydroxide) เพื่อปรับค่า pH สุดท้ายของเซรั่มให้อยู่ในช่วงที่ต้องการ (เช่น 5.0-6.0) คุณจะต้องใช้กระดาษวัดค่า pH หรือเครื่องวัดค่า pH เพื่อให้ได้ค่าที่แม่นยำ
ส่วนผสมเพิ่มเติม (ทางเลือก):
- สารให้ความชุ่มชื้นเพิ่มเติม (Additional Humectant): แม้ว่า Natto Gum และ Panthenol จะให้ความชุ่มชื้นอยู่แล้ว การเพิ่ม Glycerin หรือ Sodium Hyaluronate ในปริมาณเล็กน้อยสามารถเสริมคุณสมบัติการให้ความชุ่มชื้นและปรับปรุงเนื้อสัมผัสของเซรั่มได้
- สารคีเลต (Chelating Agent): ส่วนผสมเช่น Disodium EDTA สามารถช่วยเพิ่มความเสถียรของสูตรได้โดยการจับกับไอออนของโลหะที่อาจมีอยู่ในน้ำหรือจากส่วนผสมอื่นๆ
สรุปและคำแนะนำ:
รายการส่วนผสมของคุณมีแนวโน้มที่ดีในการจัดการกับปัญหาผิวที่คุณกังวล กุญแจสู่ความสำเร็จอยู่ที่การผสมอย่างถูกต้อง:
- ใช้น้ำบริสุทธิ์ เป็นเบส
- ใส่ระบบสารกันเสียที่เหมาะสม
- ปรับค่า pH สุดท้ายอย่างระมัดระวัง โดยตั้งเป้าไปที่ช่วง 5.0-6.0 และตรวจสอบด้วยเครื่องวัดค่า pH หรือกระดาษวัดค่า pH
- ตรวจสอบอัตราการใช้ที่แนะนำเฉพาะและข้อควรระวังเรื่องความเข้ากันได้ สำหรับวัตถุดิบแต่ละตัวจากผู้จำหน่ายของคุณ พวกเขาอาจให้ช่วงค่า pH ที่เหมาะสมหรือคำแนะนำในการผสมเฉพาะ
- ระวังความเข้มข้นสูงของสารออกฤทธิ์หลายชนิด หากคุณมีผิวแพ้ง่าย ควรพิจารณาเริ่มต้นด้วยเปอร์เซ็นต์ที่ต่ำลงสำหรับสารออกฤทธิ์บางชนิด หรือทดสอบผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปบนผิวบริเวณเล็กๆ ก่อน
การเพิ่มเบส สารกันเสีย และปรับค่า pH จะช่วยให้คุณสร้างเซรั่มที่เสถียรและมีประสิทธิภาพโดยใช้ส่วนผสมที่คุณเลือกด้วยวิธี cold process ได้ค่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Acetyl Hexapeptide-8 (eq Argireline)

Pal-GHK, Pal-GQPR (eq Matrixyl 3000)

Alpha Arbutin (Switzerland)

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)

Galactomyces Ferment Filtrate (aka Pitera)

Natto Gum (Nutto Gum)

Panthenol (Vitamin B5) ExtraLite™

Activated Resorcinol™ (4-Butyl Resorcinol)

DMAE (SkinTight MD™) Liquid
