การพัฒนาสูตรเซรั่มวิตามินซี กลูต้า อัลฟ่าอาร์บูติน และซิลิโคน ให้มีความเสถียร
คำถาม
ต้องการสอบถามวิธีการพัฒนาสูตรเซรั่มที่มีส่วนผสมของ L-Ascorbic Acid, Glutathione, Alpha Arbutin และ Cyclomethicone/Cyclopentasiloxane ให้มีความเสถียรค่ะ ตอนนี้มีปัญหาเรื่องการประสานเนื้อและความเสถียรของสูตร
ส่วนผสมที่ต้องการใช้มีดังนี้:
- L-Ascorbic Acid
- Glutathione
- Alpha Arbutin
- Cyclomethicone/Cyclopentasiloxane
- น้ำ
ต้องทำอย่างไรบ้าง และต้องเพิ่มส่วนผสมอะไรบ้าง (เช่น สารประสานเนื้อและสารกันเสีย) เพื่อให้เซรั่มนี้มีความเสถียรและมีประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึงความไวต่อค่า pH ของสารออกฤทธิ์เหล่านี้ด้วยค่ะ
คำตอบ
คำแนะนำการทำเซรั่ม
สูตรที่คุณเสนอมาประกอบด้วยส่วนผสมที่ละลายน้ำได้ (วิตามินซี, กลูต้าไธโอน, อัลฟ่า อาร์บูติน) และซิลิโคนที่ไม่ละลายในน้ำ (Cyclomethicone/Cyclopentasiloxane) การรวมส่วนผสมทั้งสองประเภทนี้เข้าด้วยกันต้องพิจารณาเป็นพิเศษ
ปัญหาหลักของสูตรปัจจุบัน
- ไม่มีสารประสานเนื้อ (Emulsifier): ตามที่เจ้าหน้าที่ได้ให้คำแนะนำอย่างถูกต้อง สูตรของคุณยังขาดสารประสานเนื้อ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการรวมเฟสน้ำและเฟสซิลิโคน/น้ำมันเข้าด้วยกันให้เป็นเนื้อเดียวกันอย่างเสถียร (เช่น ครีม หรือ โลชั่น) ด้วยสัดส่วนของน้ำและซิลิโคนที่ค่อนข้างสูง คุณจะต้องใช้ระบบสารประสานเนื้อที่เหมาะสมในการสร้างอิมัลชันที่เสถียร ซึ่งอาจเป็นแบบ Water-in-Silicone หรือ Silicone-in-Water ขึ้นอยู่กับชนิดของสารประสานเนื้อที่เลือกใช้
- ไม่มีสารกันเสีย (Preservative): สูตรใดๆ ที่มีส่วนประกอบของน้ำจำเป็นต้องมีสารกันเสียชนิด Broad-spectrum เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย เชื้อรา และยีสต์ ซึ่งอาจทำให้ผลิตภัณฑ์เสียและเป็นอันตรายต่อผิวได้
- ความเสถียรและความเข้ากันได้ของสารออกฤทธิ์:
- วิตามินซี (L-ascorbic acid): วิตามินซีรูปแบบนี้มีประสิทธิภาพสูง แต่ก็ไม่เสถียรอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ในน้ำ ต้องใช้ค่า pH ต่ำ (โดยทั่วไปสำหรับเครื่องสำอางควรอยู่ที่ 3.5-4.0) เพื่อให้คงตัวและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังไวต่อการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันเมื่อสัมผัสกับแสงและอากาศ
- กลูต้าไธโอน: ละลายน้ำได้ และมีความเสถียรที่สุดในช่วง pH 3-6 ควรผสมโดยหลีกเลี่ยงความร้อนสูง
- อัลฟ่า อาร์บูติน: ละลายน้ำได้เช่นกัน และมีความเสถียรในช่วง pH 3.5-6.5 ที่ค่า pH สูงกว่า 8 อาจสลายตัวกลายเป็นไฮโดรควิโนน คำอธิบายผลิตภัณฑ์แนะนำให้ใช้ ActiveProtec™ OX เพื่อช่วยป้องกันการเปลี่ยนสี
- การใช้สารออกฤทธิ์เหล่านี้ร่วมกันหมายความว่าคุณต้องหาค่า pH ที่เหมาะสมสำหรับทุกตัว ค่า pH ประมาณ 3.5-4.0 ซึ่งเป็นค่าที่เหมาะสมที่สุดสำหรับ L-Ascorbic Acid จะอยู่ในช่วงต่ำสุดสำหรับ Alpha Arbutin และอยู่ในช่วงที่ยอมรับได้สำหรับ Glutathione ค่า pH ช่วงนี้โดยทั่วไปถือว่ายอมรับได้สำหรับประสิทธิภาพและความเสถียรของส่วนผสมเหล่านี้ แต่ต้องมีการปรับสูตรอย่างระมัดระวัง
การปรับปรุงที่แนะนำ
เพื่อให้สูตรนี้ใช้งานได้และมีความเสถียร คุณจำเป็นต้องเพิ่มส่วนผสมและพิจารณาดังนี้:
- เพิ่มสารประสานเนื้อ: เลือกสารประสานเนื้อหรือส่วนผสมของสารประสานเนื้อที่เหมาะสมสำหรับการสร้างอิมัลชันระหว่างเฟสน้ำและเฟสซิลิโคน การเลือกจะขึ้นอยู่กับเนื้อสัมผัสที่ต้องการและสัดส่วนของน้ำต่อซิลิโคน
- เพิ่มสารกันเสีย: ใส่ระบบสารกันเสียชนิด Broad-spectrum ที่มีประสิทธิภาพในช่วง pH สุดท้ายของสูตรของคุณ
- ปรับและควบคุมค่า pH: ปรับค่า pH ของสูตรสุดท้ายอย่างระมัดระวังให้อยู่ในช่วง 3.5-4.0 เพื่อให้แน่ใจว่า L-Ascorbic Acid มีความเสถียรและประสิทธิภาพสูงสุด ในขณะที่ยังคงยอมรับได้สำหรับ Glutathione และ Alpha Arbutin คุณจะต้องใช้เครื่องวัด pH เพื่อวัดและปรับค่า pH อย่างแม่นยำ
- พิจารณาใช้สารเพิ่มความเสถียร/สารต้านอนุมูลอิสระ: เพื่อช่วยปกป้องสารออกฤทธิ์จากการเสื่อมสภาพ โดยเฉพาะวิตามินซีและอัลฟ่า อาร์บูติน ควรพิจารณาเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ActiveProtec™ OX หรือ Protec™ OX
- กระบวนการผลิต: ลำดับและวิธีการผสมมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสำหรับส่วนผสมที่ไวต่ออุณหภูมิและค่า pH เช่น L-Ascorbic Acid และ Glutathione โดยทั่วไปควรเติมในขั้นตอนสุดท้ายของการทำเย็นหลังจากที่อิมัลชันก่อตัวและปรับค่า pH แล้ว
สรุป
สูตรที่คุณเสนอมามีสารออกฤทธิ์ที่ดีสำหรับการปรับสีผิวให้กระจ่างใส อย่างไรก็ตาม สูตรนี้ยังไม่สมบูรณ์หรือมีความเสถียร เนื่องจากขาดส่วนประกอบที่จำเป็น เช่น สารประสานเนื้อและสารกันเสีย นอกจากนี้ยังต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับค่า pH และความเสถียรของสารออกฤทธิ์ คุณจะต้องเพิ่มสารประสานเนื้อที่เหมาะสม สารกันเสีย และปรับค่า pH เพื่อสร้างเซรั่มที่เสถียรและมีประสิทธิภาพ.
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Alpha Arbutin (Switzerland)

Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)

Cyclopentasiloxane (Low-Odor Cyclomethicone)
