การพัฒนาสูตรเซรั่มวิตามินซี: ความเสถียรและความเข้ากันได้ของส่วนผสม
คำถาม
ต้องการสอบถามเกี่ยวกับการทำเซรั่มวิตามินซี โดยใช้ L-ascorbic acid
และ Triethanolamine
อยากทราบเรื่องการใช้ สารประสานน้ำมัน
/สารสร้างเนื้อในสูตรนี้ และความเสถียรของ L-ascorbic acid
โดยเฉพาะเมื่อมี Triethanolamine
อยู่ด้วย ซึ่งอาจทำให้ค่า pH สูงขึ้น
คำตอบ
จากสูตรที่คุณให้มาและข้อมูลจากเจ้าหน้าที่:
เรื่องสารประสานน้ำมัน: ในรายการส่วนผสมที่คุณให้มามีบรรทัด "สารประสานน้ำมัน ...%" แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นสารตัวใดและใช้กี่เปอร์เซ็นต์ เจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้ใช้ Satin Cream Maker (ID 247) หรือ Pro Polymer (ID 234) เพื่อช่วยในการประสานหรือสร้างเนื้อเซรั่ม สูตรของคุณดูเหมือนจะเป็นสูตรที่มีเบสเป็นน้ำเป็นหลัก ดังนั้นสารเหล่านี้อาจทำหน้าที่เป็นสารเพิ่มความข้นหนืดหรือสารช่วยให้สูตรคงตัว เพื่อสร้างเนื้อเซรั่ม หรือช่วยประสานน้ำมันปริมาณเล็กน้อยหากมีส่วนของน้ำมันที่ไม่ได้ระบุไว้ในรายการ
เรื่องการปรับปรุงสูตร: เจ้าหน้าที่ได้ชี้ให้เห็นถึงปัญหาหลักของสูตรนี้อย่างถูกต้อง นั่นคือความไม่เสถียรของ L-ascorbic acid (ID 133) L-ascorbic acid มีแนวโน้มที่จะเสื่อมสภาพได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีส่วนผสมที่ทำให้ค่า pH สูงขึ้น เช่น Triethanolamine (ID 139) ที่อยู่ในสูตรของคุณ
ในการปรับปรุงความเสถียรและประสิทธิภาพของเซรั่มวิตามินซีของคุณ ควรพิจารณาดังนี้:
- ปรับค่า pH: L-ascorbic acid จะมีความเสถียรและมีประสิทธิภาพสูงสุดที่ค่า pH ต่ำ (ประมาณ 2.5-3.5) Triethanolamine ในสูตรของคุณจะทำให้ค่า pH สูงขึ้น ซึ่งจะเร่งการเสื่อมสภาพ คุณจะต้องปรับลดค่า pH ลงโดยใช้กรด (เช่น Ferulic Acid หรือ Citric Acid อย่างระมัดระวัง) หรือใช้สารปรับ pH ตัวอื่น แต่การปรับและคงค่า pH ที่ต่ำให้เหมาะสมอาจทำได้ยากและอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้
- ใช้ Vitamin C อนุพันธ์ที่เสถียรกว่า: แทนที่จะใช้ L-ascorbic acid ลองพิจารณาใช้วิตามินซีในรูปแบบที่เสถียรกว่า เช่น Sodium Ascorbyl Phosphate, Magnesium Ascorbyl Phosphate, Ascorbyl Glucoside หรือ Tetrahexyldecyl Ascorbate สารเหล่านี้ขึ้นอยู่กับค่า pH น้อยกว่าและผสมได้ง่ายกว่า
- ทำให้สูตรง่ายขึ้น: สูตรที่มีส่วนผสมออกฤทธิ์หลายชนิดอาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดปฏิกิริยาและความไม่เสถียรได้
- ทำตามสูตรที่ได้รับการทดสอบแล้ว: ตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำ การใช้สูตรที่ได้รับการทดสอบและมีความเสถียร เช่น ชุด Vitamin C E Ferulic Kit (ID 70) มักจะเป็นแนวทางที่ดีกว่าสำหรับผู้เริ่มต้น เนื่องจากชุดเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อความเสถียร
สรุปคือ สารประสานน้ำมันที่เฉพาะเจาะจงหายไปจากรายการของคุณ แต่มีการแนะนำ Satin Cream Maker หรือ Pro Polymer ปัญหาหลักที่ต้องปรับปรุงคือความไม่เสถียรของ L-ascorbic acid ซึ่งอาจทำได้โดยการปรับค่า pH การใช้วิตามินซีในรูปแบบอื่น หรือทำให้สูตรง่ายขึ้น หรือใช้ชุดสำเร็จรูปที่มีความเสถียร
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin C E Ferulic

Hyaluronic Acid (Standard Molecule)

Hyaluronic Acid (Small Molecule)

Panthenol (Vitamin B5, DL-Panthenol, Powder)

Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)

Propylene Glycol

Triethanolamine 99%

Disodium EDTA

Pro Polymer™ (Gel Maker)

Satin Cream Maker™

PE-1 Aqua
