การพัฒนาสูตรเซรั่มวิตามินซี 15% (L-Ascorbic Acid)

ถามโดย: chinshin9195 เมื่อ: March 17, 2019 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

ต้องการทำเซรั่มวิตามินซี 15% โดยใช้วัตถุดิบตามรายการด้านล่างนี้:

  • Vitamin C Ultra fine
  • Vitamin E
  • Phenoxyethanol
  • Ethyleneglycol
  • Buthylene glycol
  • น้ำกลั่นบริสุทธิ์

อยากทราบว่าควรใส่วัตถุดิบแต่ละตัวในปริมาณเท่าใด และมีขั้นตอนการละลายและผสมอย่างไรบ้างครับ

คำตอบ

สูตรเซรั่มวิตามินซี 15%

นี่คือสูตรและขั้นตอนการผสมเซรั่มวิตามินซี 15% โดยใช้วัตถุดิบที่คุณระบุ

ข้อควรพิจารณาที่สำคัญ:

  • L-ascorbic acid มีความไม่เสถียรสูง โดยเฉพาะในสูตรที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบและมีค่า pH สูง การทำเซรั่ม L-ascorbic acid 15% ที่เสถียรมักจะต้องมีค่า pH ต่ำ (ประมาณ 3.0-3.5) ซึ่งอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้ องค์การอาหารและยา (อย.) แนะนำผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ทาบนผิวควรมีค่า pH อย่างน้อย 3.5 การปรับค่า pH ให้สูงกว่า 3.5 จะช่วยให้เข้ากันได้ดีกับผิวมากขึ้น แต่จะลดความเสถียรของวิตามินซีลง
  • Vitamin E (Tocopheryl Acetate) ละลายในน้ำมัน และอาจไม่ละลายหรือเข้ากับสูตรที่มีน้ำเป็นหลักได้อย่างสมบูรณ์หากไม่มีอิมัลซิไฟเออร์

สูตรแนะนำ:

  • Vitamin C (L-ascorbic acid) Ultra-Fine: 15%
  • Vitamin E (Tocopheryl Acetate): 0.5%
  • Phenoxyethanol: 1.0%
  • Butylene Glycol: 10.0%
  • น้ำกลั่นบริสุทธิ์: 73.5%
  • สารปรับค่า pH: (ไม่ได้ระบุในวัตถุดิบของคุณ แต่จำเป็นต่อความเสถียร/ความเข้ากันได้ คุณอาจต้องใช้สารละลายกรดเจือจาง เช่น สารละลาย Ferulic Acid เพื่อลดค่า pH เพื่อความเสถียร หรือสารละลายด่างเจือจาง เช่น สารละลาย Sodium Hydroxide เพื่อเพิ่มค่า pH เพื่อความเข้ากันได้กับผิว หากจำเป็นหลังผสม)

ขั้นตอนการผสม:

  1. ชั่งน้ำกลั่นบริสุทธิ์และ Butylene Glycol ลงในภาชนะที่สะอาด
  2. ในภาชนะแยกต่างหาก ชั่งผง Vitamin C (L-ascorbic acid) Ultra-Fine
  3. เติมส่วนผสมน้ำ/Butylene Glycol เล็กน้อยลงในผงวิตามินซี และคนให้ละลาย อาจไม่ละลายหมดในขั้นตอนนี้ โดยเฉพาะหากไม่ได้ปรับค่า pH
  4. เติมส่วนผสมน้ำ/Butylene Glycol ที่เหลือลงในสารละลายวิตามินซี และคนจนวิตามินซีละลายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
  5. เติม Phenoxyethanol และคนให้เข้ากัน
  6. เติม Vitamin E (Tocopheryl Acetate) และคนให้กระจายตัว โปรดทราบว่าวิตามินอีชนิดนี้ละลายในน้ำมันและอาจไม่ละลายหมด
  7. ขั้นตอนสำคัญ: ตรวจสอบและปรับค่า pH วัดค่า pH ของเซรั่มโดยใช้เครื่องวัด pH หรือกระดาษวัด pH เพื่อความเสถียรสูงสุดของ L-ascorbic acid ค่า pH ควรอยู่ระหว่าง 3.0 ถึง 3.5 อย่างไรก็ตาม ค่า pH ที่ต่ำขนาดนี้อาจทำให้ผิวระคายเคืองได้ อย. แนะนำค่า pH อย่างน้อย 3.5 สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ทาทิ้งไว้บนผิว คุณอาจต้องปรับค่า pH หากค่า pH ต่ำเกินไป (ต่ำกว่า 3.0) คุณสามารถค่อยๆ เติมสารละลายด่างเจือจางมาก (เช่น Sodium Hydroxide) ทีละหยดพร้อมกับคนและวัดค่า pH ซ้ำจนกว่าจะได้ค่าอย่างน้อย 3.5 โปรดทราบว่าการเพิ่มค่า pH จะลดความเสถียรของวิตามินซี หากคุณต้องการความเสถียรสูงสุดและค่า pH สูงกว่า 3.5 โดยทั่วไปคุณจะเติมกรดเจือจาง (เช่น สารละลาย Ferulic Acid) แต่สิ่งนี้ไม่ได้อยู่ในวัตถุดิบที่คุณระบุและจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการระคายเคือง ในขณะที่อาจทำให้ค่า pH ต่ำกว่าค่าขั้นต่ำที่ อย. แนะนำ ด้วยวัตถุดิบที่คุณมี การตั้งเป้าหมายค่า pH อย่างน้อย 3.5 จึงแนะนำเพื่อความเข้ากันได้กับผิว โดยยอมรับว่าความเสถียรของวิตามินซีจะลดลง
  8. คนให้เข้ากันอย่างทั่วถึงหลังการปรับค่า pH
  9. เทเซรั่มลงในขวดทึบแสงที่ปิดสนิทเพื่อป้องกันแสงและอากาศ
  10. เก็บเซรั่มไว้ในที่เย็น โดยเฉพาะในตู้เย็น เพื่อช่วยชะลอการเกิดออกซิเดชันของวิตามินซีและยืดอายุการเก็บรักษา

สูตรนี้เป็นจุดเริ่มต้น แต่เนื่องจาก L-ascorbic acid มีความไม่เสถียรโดยธรรมชาติและข้อจำกัดของวัตถุดิบที่ให้มา เซรั่มอาจยังคงเกิดออกซิเดชันเมื่อเวลาผ่านไป.

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
เครื่องสำอาง
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
เครื่องสำอาง
Phenoxyethanol (Extra Pure)
Phenoxyethanol (Extra Pure)
เครื่องสำอาง
Butylene Glycol
Butylene Glycol
เครื่องสำอาง