การพัฒนาสูตรเซรั่มสำหรับผิวแห้งขาดน้ำและการใช้สารอุ้มน้ำ
คำถาม
ต้องการพัฒนาสูตรเซรั่มสำหรับผิวแห้งขาดน้ำ
จากคำแนะนำเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ว่าผลิตภัณฑ์สำหรับผิวแห้งควรมีองค์ประกอบสำคัญคือ น้ำมัน บัตเตอร์ และแวกซ์ เพื่อเคลือบผิว และสารให้ความชุ่มชื้นชนิดละลายน้ำจะช่วยเสริมความชุ่มชื้นภายใน แต่หากไม่มีสารกลุ่มน้ำมัน/บัตเตอร์/แวกซ์ ผิวจะยังสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย อยากสอบถามเพิ่มเติมดังนี้ค่ะ:
- ขอคำแนะนำสารสกัด/ส่วนผสมที่เหมาะสมสำหรับ เซรั่ม สำหรับผิวแห้งขาดน้ำโดยเฉพาะค่ะ
- ได้ยินมาว่ามอยส์เจอร์ไรเซอร์กลุ่มที่เป็นสารอุ้มน้ำไม่ควรใส่เกิน 20% ของสูตรใช่หรือไม่คะ ปริมาณการใช้ที่เหมาะสมของสารอุ้มน้ำชนิดต่างๆ ในเซรั่มควรเป็นเท่าไหร่คะ
คำตอบ
คำแนะนำสำหรับเซรั่มบำรุงผิวแห้งขาดน้ำ
สำหรับผิวแห้งขาดน้ำ การเลือกใช้สารสกัดหรือส่วนผสมในเซรั่มควรเน้นทั้งการเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวชั้นใน และเสริมเกราะป้องกันผิวเพื่อลดการสูญเสียน้ำค่ะ
สารสำคัญที่แนะนำสำหรับเซรั่มบำรุงผิวแห้งขาดน้ำ ได้แก่:
กลุ่มสารให้ความชุ่มชื้น (Humectants): สารกลุ่มนี้จะช่วยดึงน้ำเข้าสู่ผิวและอุ้มน้ำไว้ ทำให้ผิวรู้สึกอิ่มน้ำ
- Hyaluronic Acid (กรดไฮยาลูรอนิก): เป็นสารที่พบตามธรรมชาติในผิว ช่วยอุ้มน้ำได้ดีเยี่ยม มีหลายขนาดโมเลกุล การใช้ Hyaluronic Acid ที่มีขนาดโมเลกุลต่างกัน เช่น ขนาดใหญ่ (Large Molecule) จะช่วยเคลือบผิวและลดการสูญเสียน้ำบนผิวชั้นนอก ขณะที่ขนาดเล็กมาก (Nano Molecule หรือ Super Low Molecule) สามารถซึมเข้าสู่ผิวชั้นลึกเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นภายในได้ หรืออาจเลือกใช้ 4D Hyaluronic Acid ซึ่งเป็นการรวม Hyaluronic Acid หลายขนาดโมเลกุลไว้ด้วยกัน เพื่อการบำรุงที่ครอบคลุมทุกชั้นผิว
- Glycerin: เป็นสารให้ความชุ่มชื้นพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพ ช่วยดึงน้ำเข้าสู่ผิว
- Sodium PCA: เป็นส่วนประกอบของ Natural Moisturizing Factors (NMF) ในผิวตามธรรมชาติ ช่วยรักษาสมดุลความชุ่มชื้นและป้องกันการสูญเสียน้ำ
กลุ่มเสริมเกราะป้องกันผิว (Barrier Repair): ผิวแห้งมักมีปัญหาเกราะป้องกันผิวอ่อนแอ ทำให้สูญเสียน้ำได้ง่าย สารกลุ่มนี้จะช่วยเสริมความแข็งแรงให้เกราะป้องกันผิว
- Ceramides (เซราไมด์): เป็นไขมันที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของเกราะป้องกันผิว ช่วยเชื่อมเซลล์ผิวให้แข็งแรง ลดการสูญเสียน้ำ และปกป้องผิวจากปัจจัยภายนอก การใช้ Ceracare™ Liposome-3 ซึ่งเป็น Ceramide Complex ในรูปแบบไลโปโซมที่กระจายตัวได้ดีในน้ำ เหมาะสำหรับผสมในเซรั่มเพื่อช่วยฟื้นฟูเกราะป้องกันผิว
- Safe-B3™ (Niacinamide หรือ Vitamin B3): ช่วยกระตุ้นการสร้างเซราไมด์ในผิว ทำให้เกราะป้องกันผิวแข็งแรงขึ้น ลดการสูญเสียน้ำ และยังช่วยปลอบประโลมผิว ลดรอยแดง และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
เกี่ยวกับสารอุ้มน้ำ (Water-soluble moisturizers) และข้อจำกัดการใช้:
สารอุ้มน้ำ หรือ Humectants เช่น Glycerin, Hyaluronic Acid, Sodium PCA เป็นส่วนผสมสำคัญในผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้น โดยเฉพาะในเซรั่มที่เป็นเบสหลักเป็นน้ำ สารกลุ่มนี้ทำหน้าที่ดึงและกักเก็บน้ำไว้ในผิว
ส่วนเรื่องที่สอบถามว่ามอยส์เจอร์ไรเซอร์กลุ่มที่เป็นสารอุ้มน้ำไม่ควรใส่เกิน 20% ของสูตรใช่หรือไม่นั้น ไม่ได้มีกฎตายตัวว่าสารอุ้มน้ำทุกชนิดจะต้องจำกัดการใช้ไม่เกิน 20% ค่ะ ปริมาณที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับชนิดของสารอุ้มน้ำแต่ละตัว ความเข้มข้นของสารนั้นๆ และส่วนผสมอื่นๆ ในสูตรโดยรวม
- สารอุ้มน้ำบางชนิด เช่น Glycerin สามารถใช้ได้ในปริมาณสูง (แต่หากใช้ความเข้มข้นสูงเกินไปโดยไม่มีส่วนผสมอื่นช่วย อาจทำให้รู้สึกเหนอะหนะหรือไม่สบายผิวได้)
- Hyaluronic Acid ชนิดผง มักใช้ในปริมาณค่อนข้างน้อย (เช่น 0.1-0.5%) ก็ให้ความชุ่มชื้นได้ดีแล้ว
- Hyaluronic Acid ในรูปแบบเจลเข้มข้น เช่น 4D Hyaluronic Acid มีคำแนะนำให้ใช้ในปริมาณที่สูงกว่าชนิดผงได้ (เช่น 5-20% สำหรับผิวแห้งมาก)
- Sodium PCA มักใช้ในปริมาณน้อย (เช่น 0.5-2% ของสารละลาย 50%)
สิ่งสำคัญคือการสร้างสมดุลในสูตร โดยเฉพาะสำหรับผิวแห้งขาดน้ำ ควรมีทั้งสารอุ้มน้ำเพื่อเติมความชุ่มชื้นภายใน และสารกลุ่มน้ำมัน/บัตเตอร์/แวกซ์ (ในกรณีของครีม/โลชั่น) หรือสารเสริมเกราะป้องกันผิว เช่น เซราไมด์ (ในกรณีของเซรั่ม) เพื่อช่วยเคลือบผิวและลดการระเหยของน้ำออกจากผิวค่ะ หากมีแต่สารอุ้มน้ำอย่างเดียวโดยไม่มีส่วนผสมที่ช่วยเสริมเกราะป้องกัน ผิวก็ยังคงสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่ายดังที่เจ้าหน้าที่ได้ให้ข้อมูลไว้ค่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)

Glycerin (USP/Food Grade)

Sodium PCA 50%

Hyaluronic Acid (Large Molecule)

4D Hyaluronic Acid

Hyaluronic Acid (Nano Molecule, 2000daltons)
